“นายกฯ” ชี้ ไม่เหมาะหากต้องขยับฐานเงินเดือนคนการไฟฟ้า-ประปา ให้มากกว่า 15,000 บาท หลังพบตัวเลขคนเงินเดือนน้อยแค่หลักร้อย ยันหวังช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ชี้ยึดหลักกำไรอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเห็นใจรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนด้วย
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาหลังจากที่ ครม.ได้ให้กระทรวงมหาดไทย นำเรื่องการจ่ายเงินค่าตอบแทน 2,000 บาทให้กับพนักงานการไฟฟ้านครหลวง กับการประปานครหลวง ทบทวนใหม่ว่า ทางรัฐมนตรีมหาดไทยได้นำตัวเลขมาให้ดูใหม่ โดยบอกว่า หากกำหนดที่เงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทลงมา ก็จะทำให้มีพนักงานที่เกี่ยวข้องน้อยมากเป็นหลักร้อย จึงมีการเสนอให้เปลี่ยนเป็นตัวเลขอื่น ซึ่งตนได้บอกให้ทางรัฐมนตรีไปชี้แจงให้ทางองค์กรเข้าใจว่า เราจะไปใช้ตัวเลขอื่นคงไม่ได้ เพราะถ้าใช้ตัวเลขอื่น คงไม่ใช่การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแล้ว เพราะขณะเราทำตามฐานข้อมูลการประกันสังคมที่จ่ายเช็ค 2,000 บาท ก็ยังมีคนไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า 15,000 บาทจนไม่จริง เพราะฉะนั้นหากไปขยับมากกว่า 15,000 บาท ก็คงไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือพนักงานที่รายได้น้อยแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่า เป็นเรื่องของกำไร หรือโบนัสก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หรือถ้าบอกว่าเป็นมาตรการที่รัฐบาลต้องสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยแล้วไปขยับตัวเลขตรงนั้นคงไม่เหมาะ ซึ่งก็ยังไม่เสนอเข้ามา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พนักงานการไฟฟ้าขู่ว่าจะตัดไฟหน่วยงานที่เป็นหนี้ค่าไฟ โดยเริ่มที่กระทรวงการคลัง นายกฯ กล่าวว่า เราก็ต้องอยู่กันด้วยเหตุผล และการที่เรามีความรับผิดชอบในการดูแลสิ่งที่เป็นบริการพื้นที่และสำคัญนั้น ถ้าเป็นความเดือดร้อนตนยืนยันว่า รัฐบาลรับฟัง แต่ทุกคนก็ต้องรับทราบข้อจำกัดของรัฐบาลในเรื่องการเงินการคลัง กฎหมาย หรือข้อจำกัดในเรื่องของความเป็นธรรมในสังคมด้วย ส่วนที่ทางการไฟฟ้าบอกว่า ทางการไฟฟ้าไม่ได้ใช้เงินของรัฐบาลนั้น อยากทำความเข้าใจว่า รัฐวิสาหกิจไม่เหมือนกับบริษัทเอกชน ดังนั้นรายได้ต่างๆ ก็มาจากเงินที่ประกอบกิจการทางด้านสาธารณูปโภค ซึ่งไม่ใช่ลักษณะการแข่งขันกันตามปกติ ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาอย่างมากกับรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนก็ต้องเห็นใจกันด้วย ถ้าเรายึดหลักกำไรอย่างเดียว รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนก็จะสิทธิที่ด้อยกว่าเสมอไป ซึ่งบางทีการขาดทุนหรือกำไร อาจจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้ ไม่ใช่มีประสิทธิภาพอย่างเดียว
