“ประสพสุข” ดักคอ กกต.ยึดมาตรฐาน ส.ส.เหมือน ส.ว.ฟันถือหุ้นแน่

ประธานวุฒิสภา ลั่น 200 เปอร์เซ็นต์ กกต.ต้องยึดบรรทัดฐานเดียวกันพิจารณาการถือครองหุ้น ส.ส. เช่นเดียวกับ ส.ว. เหน็บหากแหวกแนวจะตอบสังคมอย่างไร ด้าน “นิคม” รอดู กกต.ใช้มาตรฐานไหน ชี้ ส.ส.ปชป.ถือครองหุ้น

วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่โรงแรมสยามซิตี นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันที่จะไม่ทวนคำวินิจฉัยกรณี ส.ว. 16 คนถือหุ้นในกิจการที่เป็นสัมปทานของรัฐว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของ กกต.ว่าจะทบทวนหรือไม่ก็ได้ จะไม่ทบทวนก็ไม่ทบทวน เป็นอำนาจของ กกต.อยู่แล้วไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ยังมีเวลาอีกนาน เมื่อ กกต.ส่งคำวินิจฉัยมาที่วุฒิสภาแล้วตนยังต้องพิจารณาอีกและยังต้องส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณานานเพียงใด เบื้องต้นเชื่อว่าภายใน 2 เดือนยังไม่มีผลกระทบจากเรื่องนี้ ส่วนหากระยะยาวเมื่อมีผลการวินิจฉัยของศาลออกมาแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง

เมื่อถามต่อว่ามาตรฐานการพิจารณา ส.ส.และส.ว.ในการถือครองหุ้นควรจะเหมือนกันหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า สองร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องเหมือนกัน เมื่อใช้หลักกฎหมายเดียวกันพิจารณาอะไรที่เหมือนกันมาตรฐานก็ต้องเหมือนกัน ตนเชื่อว่า กกต.ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันอยู่แล้ว หากไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันจะตอบสังคมอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ใช้เวลาวินิจฉัยกรณีเดียวกันในส่วนของ ส.ส.นานกว่าการวินิจฉัย ส.ว. นายประสพสุข กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า กกต.คงเห็นตัวอย่างของ ส.ว.ว่าต้องให้เกิดความชัดเจน ต้องมีข้อมูลพินิจวิเคราะห์ คงไม่มีปัญหาอะไร

ด้าน นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งว่า ตนไม่เห็นด้วยในการส่งเรื่องให้ กกต.ทบทวน เนื่องจาก กกต.ได้พิจารณาไปแล้วและเป็นไปตามตัวอักษร ซึ่งไม่สามารถกลับลำการพิจารณาได้ แต่ในทางตรงกันข้ามตนอยากรู้เหมือนกันว่า กกต.จะใช้บรรทัดฐานอะไร ในการพิจารณา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรื่องนี้เคยมีมาตรฐานไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตนขอตั้งข้อสังเกตว่า กกต.เร่งรีบมากเกินไป ทั้งที่ปกติต้องมีการทำสำนวนควบคู่ไปกับการพิจารณา แล้วส่งสำนวนมายังวุฒิสภา แต่ขณะนี้ กกต.กลับยังไม่ส่งสำนวนดังกล่าวแม้แต่อย่างใด ซึ่งชี้ให้เห็นว่ายังไม่มีการทำสำนวน