ทูตไทยประจำยูเอ็น เชื่อต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ “เขาพระวิหาร” รับหลายฝ่ายกังวลการเผชิญหน้า แต่หลังปะทะกันมีการตกลงปรับกำลังแล้ว ย้ำไทยไม่มีความคิดรุกราน-เอาคืน แค่ดำเนินการในส่วนที่สามารถจดทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกันได้
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวถึงปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ว่า สหประชาชาติมีความเป็นห่วงและกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หากทั้ง 2 ประเทศมีการตรึงกำลังและเผชิญหน้ากัน ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว ได้มีการตกลงจะปรับกำลังกัน โดยแต่ละฝ่ายจะปรับกำลังให้เท่ากันในบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละประเทศแสดงความยินดี สำหรับปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชานั้น ไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของสหประชาชาติ หรือคณะมนตรีความมั่นคง
ส่วนกรณีที่เป็นเอกอัครราชทูตจะทำความเข้าใจกับต่างประเทศอย่างไร นายนรชิตกล่าวว่า เอกอัครราชทูตไทยทุกคนมีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับมิตรประเทศให้ถูกต้องว่า ไทยไม่มีความคิดจะรุกราน หรือร้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืน แต่สิ่งที่ทำในหลักการ คือ ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา และเขาได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แต่การบริหารจัดการได้ดีที่สุด เห็นว่า ไทยก็มีสถานที่ที่ควรจะเป็นมรดกโลก หากมีการจดทะเบียนร่วมกัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ 2 ประเทศต้องหารือร่วมกัน รวมทั้งยูเนสโกจะต้องเห็นดีด้วย เมื่อกัมพูชาได้จดปราสาทเข้าพระวิหารเป็นมรดกโลก สิ่งที่กัมพูชาจะดำเนินการ คือ กำหนดพื้นที่อนุรักษ์บัพเบอร์โซน (เขตพื้นที่กันชน) และคอนเซอร์เวชันโซน (เขตพื้นที่อนุรักษ์) ซึ่งกัมพูชาต้องดำเนินการและยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลก
“เราเป็นห่วงว่า หากทำตามแผนที่มีอยู่ แน่นอนจะรุกล้ำเข้ามายังแผ่นดินไทย ซึ่งตรงนั้นเรายอมไม่ได้ หากไม่ทำตามระเบียบแบบแผนบัพเบอร์โซน และคอนเซอร์เวชันโซน ที่ไม่ถูกต้องเป็นเรื่องที่คณะกรรมการมรดกโลกต้องพิจารณา ทั้งนี้ ยูเนสโกต้องทบทวนตามแผนขั้นตอน โดยหากสถานที่ใดได้รับบรรจุเป็นมรดกโลก ก็จำเป็นต้องเสนอรายงานว่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์และเขตพิทักษ์อย่างไร แต่ขณะนี้ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการ และกัมพูชาได้ขอเวลาคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อเลื่อนระยะเวลาออกไป ส่วนไทยต้องทำการยืนยันว่าเขตพื้นที่ดังกล่าวที่จะเขียนขึ้น ไม่มีการรุกล้ำเข้ามาในที่ของไทย” นายนรชิต กล่าว
สำหรับกรณีที่กัมพูชาเขียนขอบเขตพื้นที่ไม่เสร็จ ไทยสามารถเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง นายนรชิตกล่าวว่า คณะกรรมการมรดกโลกให้กัมพูชาจดทะเบียนแล้ว เป็นหน้าที่ของกัมพูชาจะต้องดำเนินการให้เสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งหากไม่ดำเนินการเป็นเรื่องของคณะกรรมการมรดกโลกเป็นผู้พิจารณาว่าจะขยายเวลาให้กัมพูชาหรือไม่ แต่ทางไทยพร้อมดำเนินการร่วมกัน
ขณะที่กรณีที่มีหลายฝ่ายห่วงภาพการรุกเร้าของกัมพูชา โดยเฉพาะการตรึงกำลังทหารในพื้นที่ นายนรชิตกล่าวว่า ภาพการรุกเร้าของกัมพูชาก็รู้อยู่ใครเป็นคนทำ เห็นกันอยู่ เราจะทำอะไรได้ เพราะเราไม่ได้ก่อ ส่วนกรณีที่นานาชาติเข้าใจว่าปัญหาเขาพระวิหารเป็นประเด็นการเมือง นายนรชิตกล่าวว่า ทุกคนคงทราบดีว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอธิปไตยดินแดนและการเมือง ไม่มีใครพูดถึงว่าใครอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น