xs
xsm
sm
md
lg

มท.3 เร่งสร้างผลงานสกัดยานรก ชี้มีเอี่ยวเหตุรุนแรงชายแดนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย
“ถาวร” ประชุมร่วมคณะกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ ย้ำเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจริงจังจัดการปัญหา พร้อมสั่งลงดาบเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยว ด้านอธิบดีปกครองปกครองเตรียมตั้งศูนย์บำบัดแบบสมัครใจ ขณะที่ “พระนาย” เผยผู้เสพยาส่วนใหญ่เชื่อมโยงก่อเหตุป่วนใต้กระทำรุนแรง เผยยาเสพติดแบบใหม่ใช้ใบกระท่อม ใบลองกองเป็นต้นแบบ ทำให้เอาผิดยาก

วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม 2 กระทรวงมหาดไทย เมื่อเวลา 14.00 น. นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะกรรมการเฉพาะกิจกำกับดูแลการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี นายพระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง และตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าร่วม

โดยนายถาวรกล่าวในที่ประชุมว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัด และนายอำเภอจับมือกันดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกๆเดือน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลจริงจัง และให้ส่วนราชการจังหวัดที่กำกับดูแลองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ดำเนินการจัดตั้ง ศตส.ในส่วนของ อปท.ขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับแผนที่จัดตั้ง นอกจากนี้ ให้ ป.ป.ส.ไปพิจารณากิจกรรมต่างๆ ที่จะแก้ปัญหาว่าสามารถดำเนินการตามแผน 5 รั้วป้องกันได้หรือไม่ และไปตรวจสอบว่าแผนดังกล่าวจะดำเนินการกับ 14 จังหวัดภาคใต้อย่างไร ก่อนส่งเรื่องกลับมาที่ตนภายใน 7 วัน

“แม้จะไม่ใช่นโยบายที่จะให้มีคนตายมากๆ แต่ผมคิดว่าเป็นนโยบายที่ยั่งยืน ซึ่งการทำงานเป็นการวัดใจผู้ปฏิบัติในการทำงานที่ผ่านมา 4 เดือน ผมจะให้โอกาสแต่ละจังหวัดแสดงความตั้งใจและแสดงออกถึงประสิทธิภาพในการทำงานโดยการกำหนดเป้าหมายทั้งการจับกุม ผู้ค้า ผู้เสพ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ผมอยากเห็นการดำเนินการที่แม่นยำและเชื่อถือได้” นายถาวรกล่าว

นายถาวรกล่าวอีกว่า กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ให้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงข้าราชการที่กระทำความผิดหากผู้กระทำความผิดอยู่ภายใต้บังคับบัญชา ต้องถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะเคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เช่น มีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ เมื่อถึงเวลาส่งมอบของกลางเข้าสู่บัญชีกลางก็จะยักยอกไว้เองส่วนหนึ่งเพื่อนำไปขาย

ด้าน นายวงศ์ศักดิ์กล่าวว่า กรมการปกครอง (ปค.) จะดำเนินการเปิดศูนย์บำบัดผู้เสพแบบสมัครใจขึ้นอีก 5 จังหวัดหลังจากเปิดศูนย์ดังกล่าวไปแล้วในแต่ละภูมิภาค เพื่อเข้ารับการบำบัดและอบรมอาชีพ ก่อนขอความร่วมมือผู้เข้ารับการบำบัดแจ้งเบาะแสของแหล่งยาเสพติดเพื่อดำเนินการจับกุม

ขณะที่ นายพระนายกล่าวว่า ปัญหายาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้บวกกับจ.สตูล และสงขลา เป็นปัญหาที่สำคัญเหมือนกับปัญหาความไม่สงบ ซึ่งผู้นำศาสนาอยากให้แก้ปัญหายาเสพติดมากที่สุด โดยเฉพาะยาเสพติดอย่าง 4X100 ซึ่งมีส่วนผสมจากใบกระท่อมและสารประกอบอื่น เช่น ยากันยุง หลอดฟลูออเรสเซนต์บด เป็นปัญหาหลักที่จะเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ โดยแหล่งที่มีการเสพมากอยู่ในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ ซึ่งตนได้ประสานให้ พล.ท.พิเชษฐ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 เร่งดำเนินการกวาดล้าง

ด้าน พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบัญชีผู้ค้ายาเสพติด โดยเฉพาะนักค้าข้ามในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จำนวน 48 ราย จับกุมไปแล้ว 28 ราย ซึ่งบางส่วนได้หลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนยาเสพติดอย่าง 4X100 นั้น ใบกระท่อมบางส่วนมีต้นตอจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีราคาถูกกว่าเมืองไทยถึงเท่าตัว คือมีราคา 350 บาทต่อ 1 กิโลกรัม แต่ประเทศไทยมีราคาถึง 600 บาทต่อ 1 กิโลกรัม อีกทั้งผู้เสพขณะนี้ได้เปลี่ยนสูตรการเสพมาเป็น 8x100 ซึ่งมีส่วนผสมที่ไม่ผิดกฎหมายเพิ่มเข้ามา เช่น ใบลองกอง จึงเอาผิดได้ยาก

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม นายถาวรให้สัมภาษณ์ว่า กรณียาเสพติด 8x100 นั้น การปราบสามารถทำได้ยาก เนื่องจากส่วนผสมที่ใช้ไม่ผิดกฎหมาย อย่างใบลองกอง ยากันยุง อีกทั้งใบกระท่อม เป็นยาเสพติดประเภท 3 ซึ่งโทษไม่ร้ายแรงเท่ายาเสพติดประเภท 1 และ 2 จึงมีการเสพมาก โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจุดผลิตสำคัญ อยู่ที่ภาคใต้ตอนกลาง และจากมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ตนจะสั่งให้มีการกวาดล้างใบกระท่อมอย่างเด็ดขาด ส่วนจะแก้กฎหมายให้ใบกระท่อม เป็นยาเสพติดร้ายแรงประเภท 1 ได้หรือไม่นั้น ต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ป.ป.ส. และกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง

นอกจากนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจะมีการจัดตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติดที่จะลงมายัง 14 จังหวัดภาคใต้ที่ทันสมัยที่สุดที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยมีงบประมาณก่อสร้างอาคาร 30 ล้านบาท ส่วนงบประมาณด้านเครื่องมือยังต้องให้เจ้าหน้าที่ประเมินอีกครั้ง สำหรับในส่วนของยาเสพติดที่จะเข้ามาตามตะเข็บชายแดนภาคใต้นั้นมีด่านตรวจคนเข้าเมืองดูแลอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น