“สุเทพ” โว “คุย “ฮุนเซน” ชื่นมื่นหลังเปิดบ้านต้อนรับให้ “ศรีภรรยา”ทำกับข้าวเขมรให้กิน อ้ำอึ้ง “ถอนกำลังทหาร” ยันทั้ง 2 ฝ่ายพยายามลดความตึงเครียด ย้ำ “เรื่องที่ผ่านมาคืออดีตเป็นฝันร้าย ฟุ้งแลกผลประโยชน์ทางทะเลในเขตพื้นที่ทับซ้อนสำเร็จในรัฐบาลนี้ เผย “แลกเปลี่ยนนักโทษ 2 คนไทย” ถือเป็นสัญญาณดี
วันนี้(27 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.50 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แถลงภายหลังเดินทางกลับจากประเทศกัมพูชา ถึงข้อหารือกับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า วันนี้ตนและรมว.กลาโหม ได้ไปพบสมเด็จฮุนเซ็น เรียกว่าเป็นการไปพบกันอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งท่านกรุณารับรองเราทั้งสองคนที่บ้านพักของท่าน โดยกรุณาให้ภริยาของท่านทำอาหารเขมรเลี้ยงต้นรับเราเป็นอาหารพิเศษ ซึ่งตนไม่เคยรับประทานมาก่อน แต่ก็อร่อย บรรยากาศในการพูดคุยเต็มไปด้วยไมตรีจิต ด้วยความปรารถนาดีต่อกัน ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายเหมือนกันคือ ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เป็นไปด้วยดี สร้างสรรค์ และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาความร่วมมือในทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องทางเศรษฐกิจ ที่มีความคิดเห็นตรงกัน ว่าเราจะต้องร่วมมือกันคือ 1.เรื่องการสร้างเขื่อนในประเทศกัมพูชาเพื่อนำน้ำมาใช้ที่มาบตาพุต เอากระแสไฟฟ้ามาใช้ในประเทศไทย และในประเทศกัมพูชาบางส่วน เป็นเขื่อนที่เรารู้จักคือเขื่อนสะตึมงำ ก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่า โครงการนี้ได้เริ่มต้นมาหลายรัฐบาล แล้ว และหยุดชะงักลง และเห็นควรที่หลายฝ่ายจะได้มาเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการได้เริ่มทำงานต่อ
2.มีความเห็นพ้องต้องกันว่า เราควรรีบดำเนินการเพื่อพัฒนาแหล่งก๊าชในอ่าวไทย ในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งได้เจรจาในหลายรัฐบาล ถือเป็นรูปเป็นร่างมาตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย หลังจากนั้นมีการเจรจาตะกุกตะกักไปเรื่อยๆ วันนี้สมควรที่จะได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจสำหรับทั้งสองประเทศ เรื่องทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อน จะมีคณะกรรมการที่จะต้องคุยกันในหลายระดับ ทั้งคณะกรรมการระดับนโยบาย โดยมีนายพล ซก อัน รมว.ต่างประเทศกัมพูชาเป็นหัวหน้า นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการคณะกรรมการว่าด้วยสนธิสัญญาเขตแดนเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิค ต้องไปคุยกัน วันนี้ตนไม่ได้คุยในรายละเอียด
นายสุเทพกล่าวว่า นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้วตนได้ไปติดตาม เรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซ็น ได้ปรึกษาหารือกันไว้ เมื่อตอนที่นายอภิสิทธิ์ไปเยือนกัมพูชาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา คือ เรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษ ซึ่งมีกระบวนการที่ค่อนข้างยืดยาว ในที่สุดวันนี้หลังจากปรึกษาหารือกัน สมเด็จฮุนเซ็นได้สั่งการให้ในสัปดาห์นี้เริ่มส่งตัวนักโทษคนไทยที่อยู่กัมพูชากลับประเทศ เริ่มการแลกเปลี่ยนเลย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเที่ยวแรกจะส่งกลับมาไทยจำนวน 2 คน ซึ่งจะดูกันไปก่อนตามลำดับ
“สมเด็จฮุนเซ็นยังได้ฝากให้ตนมาเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ และต่อพี่น้องประชาชนคนไทยว่า ท่านสมเด็จฮุนเซ็นและพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชา จะพยายามอย่างยิ่ง ที่จะลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย สรุปว่าเรื่องที่แล้วมาทั้งหมดก่อนหน้าวันนี้ ก่อนหน้าที่สมเด็จฮุนเซ็น และเราทั้งสองได้คุยกัน ถือว่าเป็นเรื่องอดีต เป็นฝันร้าย และจะมองไปเฉพาะเรื่องข้างหน้า จะมองเฉพาะเรื่องดีๆ เรื่องที่จะทำให้สองประเทศมีไมตรีต่อกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ร่วมมือกันยิ่งขึ้น” นายสุเทพกล่าวตอบถึงความเข้าใจของกัมพูชาต่อไทยในการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกต่อคณะกรรมการมรดกโลก
เมื่อถามว่า คิดว่าความขัดแย้งยุติหมด แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนขออนุญาตไม่พูดในรายละเอียด แต่เรียนว่าเป็นคำยืนยันร่วมกัน ว่าจะไม่มีความตึงเครียดเกิดขึ้น ถ้าจะมีปัญหาใดๆ ต้องพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ตกลงว่าวันนี้ได้คุยเรื่องเขาพระวิหารหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องอะไรที่เป็นปัญหา อาจจะรู้สึกไม่เข้าใจกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องอดีต
เมื่อถามว่า เรื่องตามแนวชายแดนที่มีการเพิ่มกำลังของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายกัมพูชามีทีท่าลดกำลังลงบ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อยู่ในประเด็นที่ได้เรียนไปว่า จะลดความตึงเครียด จะไม่ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาจะยอมถอนกำลังใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เขาจะลดความตึงเครียด ไม่ให้มีความจริงเครียด เจ้าใจกันดี ลองนึกดูก็แล้วกัน ท่านอุตส่าห์ให้ภรรยาทำกับข้างเลี้ยงเราสองคนเป็นพิเศษ บรรยากาศชื่นมื่นมาก เข้าใจกันดี ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ลงทุนให้ภรรยาทำกับข้างเลี้ยงเรา เมื่อถามว่า เรื่องการถอนทหาร ฝ่ายใดเริ่มพูดก่อน นายสุเทพกล่าวว่า ใครจะพูดก่อนจำไม่ได้ แต่พูดด้วยกัน