ครม.มาร์ค เคาะมติผ่านงบ 66 ล้าน ให้กลาโหมเสนอจัดซื้ออาวุธ-พร้อมตั้งกองร้อยอาชีพ หวังปรามจลาจล คุ้มครองผู้นำอาเซียน นอกจากนี้ยังอนุมัติอีก 122 ล้าน ให้ซื้อรถเกาะอีก 24 คัน
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.15 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงกลาโหม จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชน และอนุมัติงบประมาณในการจัดซื้อรถกันกระสุนเพิ่มเติมสำหรับผู้นำอาเซียนที่จะมาประชุมในปลายปีนี้
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบอนุมัติวงเงินงบประมาณ 66 ล้านบาท ให้กระทรวงกลาโหม สำหรับจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และตั้งกองร้อยอาชีพ ขึ้นมา เพื่อควบคุมฝูงชนกรณีเหตุการณ์ชุมนุม โดยในเบื้องต้นได้อนุมัติงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการฝึกกำลังพลและการบริหารจัดการจำนวน 7 กองร้อย ซึ่งจากเดิมมีการเสนอเข้ามาตามขั้นตอน จะต้องมี 60 กองร้อย ซึ่งตามแผนจะต้องมีการเพิ่มจาก 7 กองร้อย เป็น 10 กองร้อย และ 43 กองร้อย เรื่องนี้ได้มีการเสนอเข้ามาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน แต่หลังจากเหตุการณ์เริ่มสงบลงจึงได้จัดให้เหลือกำลัง 7 กองร้อยเพื่อความเหมาะสม โดยทั้งหมดจะขึ้นตรงกับคณะกรรมการควบคุมดูแลความปลอดภัยในการประชุมผู้นำสุดยอดอาเซียน ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธานในการควบคุมและสั่งการ
นายปณิธาน กล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติงบประมาณ 122 ล้านบาท ในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะกันกระสุน ให้ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) รวม 24 คัน เดิมเนื่องจาก ศรภ.มีรถกันกระสุน 3 คัน เสียไป 1 คัน และถูกทุบทำลายที่กระทรวงมหาดไทย 1 คัน และเหลือเพียง 1 คันที่นายกรัฐมนตรีใช้ในการเดินทาง และครม.ได้มีการขอซื้อเพิ่มอีก 4 คัน และหลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่พัทยาในการประชุมผู้นำอาเซียน ครม.จึงเห็นชอบว่าควรจะมีการจัดซื้อเพิ่มอีก 20 คัน รวมเป็น 24 คัน เพื่อรองรับการประชุมผู้นำสุดยอดอาเซียนและคู่เจรจาที่มีขึ้นในเดือนต.ค.นี้และในการประชุมผู้นำประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการจัดซื้อวิธีพิเศษ
นายปณิธาน กล่าวว่า สำหรับสเปกของรถหุ้มเกราะกันกระสุน ทาง ครม.ได้กำหนดว่าต้องเป็นรถที่มีสมรรถนะกันกระสุนชนิด บี 4-บี 6 โดยโครงสร้างจะต้องเป็นเชทซีมาตรฐานสากลสูงถึงระดับสูงสุด กระจกกันกระสุนมีความหนา ขนาด 35 มม.มาตรฐานโดยรวมต้องได้มาตรฐานสากล โดยเครื่องยนต์ต้องได้ระดับ 4,000 ซีซี ซึ่งถือว่าไม่ใช่ระดับพิเศษสูงสุดของผู้นำทั่วโลกแต่อยู่ในระดับกลาง ซึ่งจะต้องมีการจัดซื้อโดยเร็ว เพื่อให้ทันการประชุมผู้นำสุดยอดอาเซียน และหลังจากที่เกิดเหตุความวุ่นวาย รัฐมนตรีหลายคนได้มีการขอรถเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้นรถที่ได้มาจะนำมาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้รัฐมนตรีไห้ใช้อย่างทั่วถึง รวมถึงไว้ต้อนรับผู้นำแขกต่างประเทศ ที่แวะเวียนมาประเทศไทยเกือบทุกเดือน และก่อนหน้านี้ มีหลายประเทศใจดีที่ให้ประเทศไทยยืม แต่เราเห็นว่า งบประมาณมีพอที่จะสามารถเจียดมาซื้อได้ ก็ต้องจัดซื้อให้เป็นของรัฐบาลเอง จะทำให้การดูแลรักษาและการบริหารง่ายกว่า และสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำต่างประเทศที่เดินทางมาประเทศไทย