“ประพันธ์” ส่งสืบสวนจากส่วนกลางสมทบ กกต.สกลนคร จับตาเลือกตั้งซ่อม 21 มิ.ย. จี้สำนึกเจ้าหน้าที่รัฐอย่าเกรงกลัวอิทธิพล ฟุ้ง กกต.กล้าฟัน ส.ส.-ส.ว.นับร้อย หากพิจารณาแล้วถือหุ้นผิดกฎหมาย
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนคร ว่าคาดว่าภายในวันเดียวกันนี้จะมีเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องติดตามว่าความเป็นอย่างไร เพราะต่างฝ่ายต่างร้องซึ่งกันและกัน โดยได้ส่งชุดสืบสวนจากส่วนกลางและพื้นที่ใกล้เคียงไปสมทบกับ กกต.จังหวัด อย่างไรก็ตาม อยากให้การเลือกตั้งในวันที่ 21 มิ.ย.นี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกฎหมาย และขอให้สู้ด้วยคะแนนของประชาชน อย่าคิดว่าทำอะไรผิดแล้วคนอื่นไม่รู้
ส่วนที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีความเกรงกลัว แม้แต่ตำรวจยังไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่ นายประพันธ์กล่าวว่า ไม่ทราบจะกลัวอะไร เพราะการปฏิบัติหน้าที่เป็นหน้าที่ของพลเมืองดี เป็นศักดิ์ศรีที่ต้องทำ เหมือน กกต.ที่โดนแรงกดดันมากมายก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไป ไม่อย่างนั้นประเทศจะอยู่ได้อย่างไร
นายประพันธ์กล่าวถึงการพิจารณาคุณสมบัติ ส.ว.เรื่องการถือหุ้นสัมปทานรัฐว่า ไม่แน่ใจว่าจะเข้าเป็นวาระพิจารณาในวันเดียวกันนี้หรือไม่ แต่การพิจารณาต้องดูข้อเท็จจริงเป็นรายบุคคล เพราะ ส.ว.บางส่วนก็ไม่มีหุ้น อีกทั้ง กกต.ก็ยังไม่มีมติเห็นตามที่ปรึกษากฎหมายแต่อย่างใด เพราะกกต.จะต้องดูทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า กกต.จะวินิจฉัยอย่างไร ก็จะส่งผลถึงกรณีคุณสมบัติของ ส.ส.และรัฐมนตรีด้วย ที่มีการร้องอยู่เป็นจำนวนมากแต่ขณะนี้ยังสอบไม่แล้วเสร็จ เพราะขอข้อมูลไปยังบริษัทแล้วยังไม่ส่งมา ซึ่ง กกต.ต้องรอบคอบในการพิจารณา
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต.ไม่กล้าตัดสินว่าผิด เพราะจะทำให้ ส.ส.และส.ว.สิ้นสมาชิกภาพจำนวนมาก นายประพันธ์กล่าวว่า เข้าใจว่าการวินิจฉัยมีผลกระทบกว้างขวางในหลายด้าน รวมไปถึงผู้ถือหุ้นด้วยแต่ กกต.ต้องยึดหลักกฎหมาย กฎหมายเป็นอย่างไรก็ต้องตัดสินไปตามนั้น และเมื่อตัดสินแล้วถ้าเห็นว่ากฎหมายแรงไปก็เสนอแก้ไขได้
“หาก กกต.ตัดสินว่าผิดในกรณีของ ส.ว.ก็ส่งเรื่องไปยังประธานวุฒิสภา ถ้าเป็นกรณี ส.ส.ก็ต้องส่งเรื่องให้ประธานรัฐสภา เพื่อส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยการวินิจฉัยของ กกต.จะระบุเลยว่า ใครต้องพ้นจากตำแหน่งบ้าง แต่เมื่อเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ส.ส.หรือ ส.ว.ก็ยังไม่จำเป็นต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องของคุณสมบัติ ไม่ใช่เรื่องกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง”