รองนายกฯ ด้านความมั่นคง หนักแน่นยันไม่ปรับ “ถาวร” พ้นก้าอี้ มท.3 ดูแลปัญหาภาคใต้ เชื่อจุดประสงค์ฝ่ายค้านยุให้แตกแยก หนุนแนวคิด “มาร์ค” ไม่เจรจาแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ ระบุเป็นแผนยกระดับเพื่อเปิดทางให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซงกิจการ
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการกระแสข่าวว่าอาจจะมีก่อเหตุครั้งใหญ่ในวันรัฐปัตตานีวันนี้ว่า ข่าวอย่างนี้ก็มีมาเป็นระยะๆ และเจ้าหน้าที่ก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ามีข่าวหรือไม่มีข่าว และพยายามทำงานให้เต็มที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เมื่อถามว่า หลังจากลงพื้นที่แล้วเห็นว่ามีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จากที่ลงไปประชาชนมีความเข้าใจรัฐบาลดี เอาใจช่วยรัฐบาล ตนได้พบกับผู้ใหญ่บ้านของไอปาแยที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่รอดชีวิตในมัสยิดวันนั้นก็ยืนยันว่า เป็นเรื่องของการสร้างสถานการณ์
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการไปว่าต่อไปนี้ว่าไม่ว่าจะเป็นวัดหรือมัสยิดของให้เจ้าหน้าที่ใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งตั้งด่าน และกวดขันคนเข้า-ออก เพราะคนร้ายสมัยนี้ ไม่เว้นแต่สถานการณ์สำคัญทางศาสนา และมีเป้าหมายที่จะให้คนที่นับถือศาสนาต่างกันเข้าใจผิดกันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ตนกังวลใจมากที่สุด เมื่อถามว่า จะป้องกันไม่ให้กลายเป็นสงครามศาสนาได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้คนบาดเจ็บมีทั้งคนพุทธ และมุสลิม เราต้องช่วยกันอย่าให้ประชาชนมีความเข้าใจผิดกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่า รับได้หากจะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปกครองตนเอง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายกฯพูดยังไง แต่ว่าขณะนี้สิ่งที่เราดูแลภาคใต้เราก็ทำเป็นพิเศษอยู่แล้ว มีครม.พิเศษที่ดูแลการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้เป็นการเฉพาะ และรัฐมนตรีก็ลงไปทำงานกันตลอดเวลา เมื่อถามว่า นายกฯ แนวคิดนี้คือการบริหารเหมือนกับกรุงเทพฯและพัทยา รองนายกฯ กล่าวว่า คงต้องดูไปก่อน อย่าเพิ่งพูดให้ยาวไป มันไม่ใช่ความตื่นเต้นธรรมดาต้องดูให้ละเอียด
เมื่อถามว่า ขณะนี้ผู้ก่อความไม่สงบพยายามยกระดับที่จะขอเจรจากับรัฐบาลจะเจรจาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ ในฐานะรัฐบาลเจรจาไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ก็สามารถพูดคุยกันได้ ตนลงไปครั้งนี้ก็มีคนติดต่อมอบตัว แต่ตนขอคิดดูก่อนว่า จะเป็นจริงหรือเปล่า เพราะไม่รู้จะมีการแอบอ้างหรือเปล่า เป็นใครกันแน่ เพราะมีหลายก๊กหลายฝ่ายเจรจาได้หรือเปล่าไม่รู้ พูดไปเดี๋ยวก็จะโกรธกันอีก แต่ไม่เป็นไร เราก็ทำหน้าที่ของเราไป เมื่อถามว่า ที่บอกว่ารู้ตัวทางรัฐบาลได้เกาะติดคนกลุ่มนี้อย่างไรบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ตำรวจก็เกาะติดอยู่ตลอดเวลา วันนี้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ช่วยเราได้มาก เพราะถ้าเกิดดีเอ็นเอตรงกันก็ทำให้ระบุตัวคนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่การจับตัวบุคคลก็ถือเป็นเรื่องยาก ซึ่งเราก็ต้องทำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้เหมือนรัฐบาลเป็นฝ่ายตั้งรับ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุได้อยู่ตลอด นายสุเทพ กล่าวว่า เราก็พยายามปรับคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราก็เห็นว่าเขาทำงานได้ยากลำบากอย่างไรในพื้นที่ ซึ่งเขาก็รู้ว่าประชาชนมีความต้องการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีดูแลปัญหาภาคใต้จากนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย เป็นนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์แทนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมันก็เสี้ยมไปเรื่อย เพื่อให้เขาแตกแยกกัน
“เมื่อคืนผมเปิดทีวีเห็นพอดีหน้าตาท่าทางเสี้ยมชัดๆ ผมไม่บ้าจี้ตาม คุณถาวรเขาทำงานดีเป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่ลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ตลอดเวลา และเสี่ยงภัยลงไปถึงในพื้นที่อย่างรัฐมนตรีคนอื่น โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทยก่อนนี้ไม่มีใครลงไปหรอก กลัวตาย” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ได้มีการก่อเหตุระเบิดอยู่บ่อยครั้ง ได้มีการตรวจสอบที่มาของสารรประกอบวัตถุระเบิดบ้างหรือไม่ว่ามาจากส่วนไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ทำ เจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ การข่าวก็ดีขึ้น แต่ก็คงต้องมีการปรับปรุงให้เข้มขึ้น อย่างไรก็ตามตนก็คงต้องลงพื้นที่อีก อย่างน้อยก็คง 2-3 หนต่อเดือน ซึ่งมันมีประโยชน์ และตนก็ให้เบอร์โทรศัพท์ประชาชนไว้ก็มีโทรมาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ต่างๆ ส่วนนายกฯคงยังไม่ลงไป เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ตน จะให้นายกฯไปทุกแห่งก็คงไม่ไหว และมีการมอบหมายชัดเจนให้ตนและนายถาวรเป็นคนดูแลหลักปัญหาภาคใต้ ซึ่งก่อนหน้านี่นายกฯก็ลงไปหนหนึ่งแล้วในฐานะผอ.กอ.รมน. และหากมีจังหวะก็จะเชิญท่านลงไปอีกครั้ง ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นก็จะไปลงตามจังหวะเวลา
เมื่อถามว่า ตอนที่ลงไปก็ยังมีการท้าทายระเบิดตามจุดต่างๆ รองนายกฯ กล่าวว่า แน่นอน ตนไม่ใช่ประเภทลงไปแล้วจะเงียบสนิท และการที่ตนลงไปก็ไม่ใช่ว่าจะให้เจ้าหน้าที่มาดูแลตนเป็นพิเศษก็ต้องไปดูแลจุดอื่นๆ ด้วยตามปกติ
