“อดีตประธาน คมช.” ร่วมรายงานตัวเรียนหลักสูตรพัฒนาการเมืองของ กกต.ปัดหวังคอนเนกชันฝ่ายการเมือง แบ่งรับแบ่งสู้เล่นการเมืองหรือไม่ ชี้แล้วแต่เหตุปัจจัยรอดูเวลาและโอกาส รับติดต่อ ส.ส.กลุ่มวาดะห์บ้าง เชื่อไม่มีแบ่งแยกดินแดน
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่สำนักงาน กกต.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวกับฝ่ายกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กกต.เพื่อเข้าอบรมหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง
โดย พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนมาเรียนอบรมหลักสูตรดังกล่าว เนื่องจากมีคนไปชวน ซึ่งการเข้าร่วม ไม่ใช่เพราะต้องการคอนเนกชันอะไร แต่ก็เหมือนกับครั้งที่ตนไปเรียนปริญญาเอก ซึ่งอยู่ว่างๆจึงอยากลองเรียนดู เพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านอื่นๆ นอกจากนี้ การที่เข้ามาอบรมในหลักสูตรดังกล่าวก็ไม่ได้ต้องการเป็นนักการเมือง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเรียนก็สามารถเป็นนักการเมืองได้ เพราะนักการเมืองหลายๆ คนไม่ต้องเรียนก็เป็นนักการเมืองที่ดีได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะลงเล่นการเมืองแน่นอนหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะทุกอย่างมีหลายปัจจัย ซึ่งกว่าจะให้คำตอบได้ต้องดูทั้งเวลาและโอกาส เมื่อถึงเวลาตนก็จะบอกว่า จะตัดสินใจเล่นการเมืองหรือไม่
เมื่อถามว่า ถูกทาบทามให้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องพรรคการเมืองใหม่ได้ปฏิเสธไปนานแล้ว แต่ยอมรับว่า ขณะนี้เจอนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ของพรรคมาตุภูมิอยู่บ้าง เพราะตนได้พบกับ ส.ส.ที่อยู่ในภาคใต้บ่อยครั้งและเคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ยังไม่ได้รับปากว่า จะเข้าไปร่วมงานด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้สื่อข่าวใช้ดุลยพินิจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมายถึงอะไร อีกทั้งการวิเคราะห์เหตุการณ์ หรือเดาต่างๆ ต้องดูด้วยว่า เรื่องดังกล่าวมีความเป็นไปได้หรือไม่
เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ว่า ถ้าเข้ามาเล่นการเมืองและเจอสภาพแวดล้อมไม่ดีและจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เขาอาจจะเจอสิ่งดีๆ และเปลี่ยนพฤติกรรมก็ได้
เมื่อถามอีกว่า พร้อมจะเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เอาไม่พูด ตนอยากเป็นประชาชนที่รักชาติบ้านเมือง และประชาชนก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบประเทศบ้านเมืองด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ยังกล่าวถึงความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาใต้ว่า ขณะนี้ต้องศึกษาให้ออกว่า พวกเขาคิดอะไรอยู่ และต้องเข้าใจพวกเขาด้วย ซึ่งตนเข้าใจว่า คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องแบ่งแยกดินแดนเท่าไร เพราะหากแบ่งแยกดินแดนไปก็คงอยู่กันไม่ได้ เนื่องจากประเทศมาเลเซียก็คงไม่เอาด้วย อีกทั้งในโลกปัจจุบันองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ถือว่ามีบทบาทมาก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการแบ่งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปรวมกับประเทศมาเลเซีย ทางยูเอ็นก็คงไม่ยอมเช่นกัน