“สนธิ” สั่งสอน บก.มติชน-ผอ.ทีวีไทย อย่าติดยึดมายาคติ “เป็นกลาง” จนขาดความกล้าหาญ มุ่งเอาตัวรอด ยอมอยู่ตรงกลางระหว่างถูกผิดเหมือนกิน “ข้าว” ผสม “ขี้” ชี้จุดยืนสื่อขึ้นอยู่กับเจ้าของ หากเห็นแก่ทุนเกินไปก็เหมือเจ้าของมติชนที่ช่วงหนึ่งยอมเข้าหา “ทักษิณ” ขณะเอเอสทีวียอมลำบากเพื่อความถูกต้อง เคยปัดข้อเสนอซื้อพันล้านจาก “นช.แม้ว”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แสดงความเห็นผ่านรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา กรณีที่ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ บก.มติชน ในฐานะนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการทีวีไทย วิพากษ์วิจารณ์ว่า เอเอสทีวี-ผู้จัดการ เป็นสื่อที่เลือกข้างและไม่เห็นกลาง ระหว่างการสัมมนาที่รัฐสภาวานนี้ (28 พ.ค.) ว่า ตนเห็นข่าวเมื่อวานนี้แล้ว แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะรู้จักทั้งนายประสงค์ และนายเทพชัย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ทั้งสองเป็นคนเก่ง แต่ยังติดมายาคติของคำว่าเป็นกลาง
นายสนธิกล่าวต่อว่า คนที่อ้างคำว่าเป็นกลางก็เพราะต้องการรักษาสถานภาพตัวเอง ซึ่งการที่ไม่กล้าเลือกข้างก็เพราะเหตุ 2-3 ประการ คือ 1.ขาดองค์ความรู้จริงๆ ว่าข้างไหนทำอะไรอยู่จึงไม่กล้าเลือกข้าง 2.กลัวว่าถ้าเลือกข้างแล้วมีการพลิกผันในอนาคต ถ้าข้างที่ตัวเองเลือกเป็นข้างที่ผิด สถานภาพของตัวเองก็จะพังไปด้วย และ 3.ไม่อยากจะใช้คำว่าขี้ขลาดตาขาว แต่คนพวกนี้ไม่กล้าแสดงจุดยืนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะจุดยืนเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนอยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 30 กว่าปี ถือเป็นผู้อาวุโสในวงการ ซึ่งขณะนี้มีไม่เกิน 3 คน สอนหนังสือทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกมาหลายปี ตนพูดมาตลอดว่าสื่อมวลชนจะเป็นกลางแบบไหน ถ้าใช้คำพูดแบบที่พูดบนเวทีพันธมิตรฯ ก็ต้องบอกว่า ถ้ามีจานข้าว กับกองขี้ ตนขอเลือกกินข้าว แล้วคนที่เป็นกลางคือกินข้าวผสมขี้ใช่ไหม
“ผมเสียดายมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่นั่งข้างคุณประสงค์ เรียกเอเอสทีวีว่าไม่เป็นกลาง ไม่เป็นกลาง ผมสงสารเขามาก และสงสารนักศึกษาที่เรียนกับเขา ตัวเองเป็นสื่อ มีหน้าที่ต้องชี้ให้คนอ่านเห็นว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปเป็นยังไง เมื่อชี้แล้ว จุดยืนมันก็ชัดเจน สื่อต้องเสนอความเป็นจริง ความเป็นจริงเป็นอย่างไร อย่างที่คุณเจ๊ก-ชุมพรขาขาด คุณตี๋กำอยู่พวงกุญแจ (ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ 51) แต่หนังสือพิมพ์ที่คุณประสงค์อยู่กลับรายงานว่าคุณตี๋กำระเบิด คุณเจ๊กสร้างสถานการณ์ หนังสือพิมพ์ที่คุณประสงค์อยู่ รายงานไม่ใช่แค่ผิดพลาดอย่างเดียว แต่รายงานอย่างทุเรศและโกหก คุณประสงค์ยังมีหน้าไปพูดในงานนี้ ซึ่งงานอย่างนี้พวกเขาไม่กล้าเชิญผม พวกนี้ภาษาจีนเขาเรียกโหนวเกี้ย พวกเด็กเล็ก เลอะเทอะ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า ประเด็นที่นายประสงค์ที่พูดเรื่องสื่อต้องพึ่งทุนนั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าของสื่อ นายประสงค์ไม่ต้องมาสอน เพราะตนสู้มาตั้งแต่สมัยเดือนตุลาฯ สมัยพฤษภาทมิฬก็สู้ชนิดพร้อมเจ๊งจนมีคนมาไล่ฆ่า ประเด็นสำคัญคือสื่ออย่างมติชนขึ้นอยู่กับเจ้าของคือนายขรรค์ชัย บุนปาน ไทยรัฐก็ขึ้นอยู่กับนายสราวุธ วัชรพล สื่อจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูที่เจ้าของ สื่อกับทุนต้องพึ่งกันนั้นก็จริง เพราะเอเอสทีวีเดือนนี้ต้องจ่ายเงินเดือนครึ่งเดียวก่อน ส่วนอีกครึ่งรออีกหนึ่งสัปดาห์หรือ 10 วัน แต่ว่าคนอย่างตนนั้นเลือกกินข้าว ไม่ยอมกินขี้ ถ้าเห็นแก่ทุน ทำไมตนไม่รับ 500 ล้านบาทจากทักษิณที่เคยเสนอผ่านรองนายกฯ คนหนึ่งมา หรือรับ 1 พันล้านบาท ที่เขาเสนอซื้อเอเอสทีวี
นายสนธิกล่าวย้ำว่า ใครมีหน้าที่อะไรต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าเป็นสื่อก็ต้องทำหน้าที่สื่อให้ดีที่สุด โดยเอาความถูกต้องเป็นตัวตั้ง ถ้าเป็นทหาร ตำรวจ ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เพราะฉะนั้นถ้าคุณมาเป็นสื่อ ทำไมคุณไม่ทำหน้าที่สื่ออย่างตรงไปตรงมา เมื่อสื่ออย่างมติชน มีเจ้าของคือนายขรรค์ชัย และเชื่อว่าสื่อต้องพึ่งทุน ช่วงหนึ่งจึงเข้าหาทักษิณ ทำไมประเด็นนี้นายประสงค์ไม่พูด
นายสนธิกล่าวอีกว่า ในกรณีนายเทพชัย หย่อง ตนไม่มีความเห็นอะไรมาก แต่คิดว่านายเทพชัยยังไม่เข้าใจคำว่าสื่อดีพอ เพราะไปเรียนตำราฝรั่งมา และคิดแค่ว่าสื่อต้องเป็นกระจกส่องให้สังคมตัดสิน แต่ในสังคมที่มืดมิดจะเอากระจกมาตั้งให้ส่อง มันมองไม่เห็น เพราะฉะนั้นสื่อไทยต้องทำหน้าที่เป็นตะเกียงส่องสว่างก่อน แล้วค่อยเอากระจกไปตั้ง เพราะฉะนั้นอย่าเอาความคิดตะวันตกมาสอน แม้แต่ในตะวันตกทุกวันนี้ สื่อเขายังเลือกข้าง นิวยอร์กไทมส์สนับสนุนบารัค โอบามา เพราะอะไร วอชิงตันไทมส์,ฟ็อกซ์ นิวส์ เสนับสนุน จอร์จ บุช เพราะอะไร
“เอเอสทีวีเลือกความถูกต้อง เมื่อประชาชนถูกรังแก ถูกฆ่าตาย เราต้องเลือกข้างประชาชน ขณะที่พวกคุณ จนกระทั่งวันนี้ยังหน้าด้านไม่รายงาน ผมไม่อยากพูดกับพวกโหนวเกี้ยพวกนี้ วันหลังถ้าจะสัมมนา ลองเชิญผมไปได้ไหม ถ้าแน่จริง ไม่ใช่ไปพูดกันเองว่าไม่เป็นกลางๆ ซึ่งถ้าพูดได้แค่นี้ อย่าพูดออกทีวีเลย” นายสนธิ กล่าว
ชมรายการ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"แบบเต็มๆ=>