xs
xsm
sm
md
lg

ล้างกลิ่นเหม็นทำได้ แต่กล้าหรือเปล่า!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในที่สุดโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4 พันคัน ขององค์การขนส่งมวลชน (ขสมก.) ในเวลา 10 ปี วงเงิน 69,788 ล้านบาท ก็ถูกแตะเบรกไม่ได้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จำต้องถอยร่นออกมาก่อน

แต่ในความเป็นจริงก็เพียงแค่ยืดเวลาออกไปได้อีกหนึ่งสัปดาห์ ยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งให้กลับไปทบทวนตัวเลข เนื่องจากเห็นว่าราคาสูงเกินจริง

อย่างไรก็ดี เพื่อให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของโครงการอภิมหามหึมาการเช่าที่โคตรแพงบรรลัยดังกล่าวคร่าวๆ ก็คือเป็นโครงการต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช จากเดิม 6 พันคันและลดลงมาเหลือ 4 พันคัน และต้องไม่ลืมก็คือ เป็นโครงการที่ผลักดันจากกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” มาตลอด

ชนิดที่เรียกว่า “กัดไม่ปล่อย”

ขณะเดียวกันเป็นโครงการที่ถูกคัดค้านมาตลอดว่าไม่เหมาะสม และที่สำคัญส่อไปในทางทุจริตให้กับนักการเมืองบางกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด

เสียงวิจารณ์ดังกันขรม ทั้งในเรื่องของค่าเช่าที่แพงมหาโหดตกวันละ 4,780 บาท ต่อคันตลอดถึง 10 ปี หรือตกคันละ 17.44 ล้านบาท และในสัญญายังระบุว่าในค่าเช่า 4,780 บาทต่อวันนั้น ยังรวมเป็นค่าซ่อมถึง 2,250 บาท คิดเบ็ดเสร็จแล้ว เช่าแพงกว่าซื้อขาด หลายเท่าตัว

นั่นหมายความว่าถึงจะเป็นรถป้ายแดงใหม่เอี่ยมอ่องแค่ไหนก็ต้องเสียค่าซ่อมตายตัวตั้งแต่วันแรก ไม่มีข้อยกเว้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องล็อกสเปกกำหนดคุณสมบัติให้มีบริษัทประมูลได้เพียงบริษัทเดียว รวมทั้งมีข้อน่าสังเกตในลักษณะที่ว่า ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ทำตัวเหมือนเป็น “นายหน้า” เป็นเจ้าของโครงการ เป็นเจ้าของบริษัทเอกชนเข้าประมูล เพราะเสนอเอง ชงเอง แถมยังต่อรองราคาด้วยตัวเองเสียอีก

สรุปก็คือ โครงการเช่ารถเมล์ มูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้านบาท หากพิจารณาทุกแง่ทุกมุมแล้วไม่มีความเหมาะสม ไม่มีประโยชน์ด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วง “ถังแตก” แบบนี้

นั่นก็เป็นอีกหนึ่งโครงการ หนึ่งตัวอย่างที่มีแต่เสียงด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง นอกเหนือจากโครงการส่งออกข้าว 2.6 ล้านตัน และโครงการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.4 แสนตัน มูลค่านับพันนับหมื่นล้านบาทของกระทรวงพาณิชย์ ที่นักการเมืองกับพ่อค้าสมคบคิดกัน “ทำมาหารับประทาน” บนความด้อยพัฒนาของประเทศที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอ

ซึ่งหากจะว่าไปแล้วทุกโครงการก็มาจากพรรคภูมิใจไทย และยังเคยถูกนายกรัฐมนตรีสั่งเบรกให้กลับไปทบทวนวิธีการเสียใหม่ โดยเฉพาะโครงการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับโครงการเช่ารถเมล์

แต่จะด้วยเป็นเพราะสภาพความเป็นจริงในแง่ของตัวเลขของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำที่ต้องพึ่งพาเสียงของ “กลุ่มเนวิน” ในการค้ำยันรัฐบาลซึ่งทำให้ฝืนทนอยู่ในนสภาพกระอักกระอ่วนกันต่อไป เพื่อรักษาเก้าอี้ รักษาอำนาจกันต่อไปใช่หรือไม่

เพราะถ้าหากไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีก็ต้องสั่งยกเลิกโครงการที่ไม่เหมาะสม อย่างเช่นโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีมูลค่าร่วม 7 หมื่นล้านบาททันที ไม่ใช่ซื้อเวลายื้อออกไปทีละสัปดาห์แบบนี้

เพราะหากเปรียบให้เห็นเป็นตัวอย่างที่เข้าใจง่ายก็คือ เรื่องเล่ากรณีลิงที่มือเปื้อนกะปิแล้วมีกลิ่นเหม็น ลิงจึงเอามือไปถูกับพื้น ถูเท่าไหร่กลิ่นกะปิก็ยังไม่หมด จนกระทั่งมือเป็นแผลกลิ่นก็ยังติดตัวไม่หาย

นั่นเป็นเรื่องของลิงที่ไม่รู้จักวิธีล้างมือให้สะอาด ไม่รู้วิธีจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นติดตัว

ขณะที่นายกฯ อภิสิทธิ์ รู้ดีว่าสิ่งใดควร สิ่งไหนไม่ควร หรือรู้วิธีชะล้างสิ่งสกปรก กลิ่นเน่าเหม็นออกไปจากตัวได้ เพราะถ้าไม่ทำหรือประวิงเวลาออกไปเรื่อยๆ แบบนี้ อนาคตกลิ่นเหม็นก็อาจติดตัวตลอดไปก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี แม้บางครั้งอาจจะรู้ว่าสมควรทำอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีความ “กล้า” หรือเปล่า!!

กำลังโหลดความคิดเห็น