“จำลอง” ย้ำฟังเสียง พธม.โหวตตั้งพรรค ชี้การเมืองเก่าไร้น้ำยาแก้วิกฤตชาติ

“พล.ต.จำลอง” ชี้การรวมกลุ่มขับเคลื่อนของภาคประชาชนยังจำเป็นสำหรับประเทศ หลังพบที่ผ่านมาการเมืองเก่าไม่เคยแก้วิกฤติชาติได้เลยสักครั้ง ระบุถึงเวลาการเมืองใหม่ต้องเกิด โดยต้องอาศัยนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และมีประสิทธิภาพเข้ามาทำงาน เผย พันธมิตรฯ จะตั้งพรรคหรือไม่ขึ้นอยู่กับเสียงภาคประชาชนโหวต24-25พ.ค.นี้

วันนี้ (23 พ.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองว่า ที่ผ่านมาเมื่อเราชุมนุมประท้วงอย่างได้ผลและแก้วิกฤตได้แล้ว มีรัฐบาลใหม่ ก็ยังทำเหมือนการเมืองเก่า เหมือนเดิมอีก เหมือนจับปูใส่กระด้ง ไม่รู้จักจบสิ้นเสียที เพราะฉะนั้น น่าจะมีพรรคการเมืองที่ทำการเมืองใหม่ เป็นคนในพันธมิตรฯ นี่แหละ อย่างน้อยก็ช่วยถ่วงไม่ให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ผิดๆ ซ้ำเก่า

“จะเห็นได้ชัดว่า พันธมิตรฯ ที่ทำมาตลอดเวลาไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัวเลย ไม่ได้หวังเป็นใหญ่เป็นโต เมื่อการชุมนุมยุติ 3 ธันวาคม 2550 เราก็มีความคิดจากการเสนอของพันธมิตรฯด้วยกันเอง น่าจะมีพรรคการเมืองที่ทำการเมืองใหม่ เรากำหนดไว้ 25 พ.ค. ครบ 1 ปี การชุมนุมทิ้งเวลามาก ไม่ได้ตั้งใจมาก่อนจะไปสู่พรรคการเมือง” พล.ต.จำลอง กล่าว

ทั้งนี้ เหตุที่มีการพูดถึงเรื่องตั้งพรรคการเมืองนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อตอนจัดทัวร์คอนเสิร์ตการเมืองที่สหรัฐฯ พันธมิตรฯ มาพบต้องการให้ตั้งพรรคการเมือง เหตุผลพรั่งพรูออกมามากมาย วันรุ่งขึ้นมีการโหวตปรากฏว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งในสหรัฐฯ จะต้องเอามาร่วมกันประชุมที่ประเทศไทยอีกครั้ง

พล.ต.จำลอง ยกตัวอย่างความล้มเหลวของการเมืองแบบเก่าด้วยว่า อย่างประเด็นไม่ควรย้ายสนามบินในประเทศ จากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ นายกฯ บอกต้องคิดใหม่ อาจมีอะไรไม่เหมาะไม่ควร ผลคือการเมืองเก่านักการเมืองยืนยันต้องย้ายไปสุวรรณภูมิ แต่ถ้าเป็นการเมืองใหม่ ก็ต้องใช้ความกล้าหาญทางการเมืองจัดการไปแล้ว อีกตัวอย่างการล้มประชุมสุดยอดอาเซียน ถ้าเป็นการเมืองใหม่ คือ ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และมีประสิทธิภาพ ถ้าใช้ความกล้าหาญทางการเมืองสักหน่อย คือใช้กฎหมาย ไม่ใช่ไปยิงเขาให้ล้มตาย แต่ใช้กฎหมายออกหมายเรียก ออกหมายจับ ใช้ความกล้าหาญสักนิด จะไม่ถึงขั้นล้มประชุมอาเซียน

“หากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง ในส่วนตัวผมคงไม่เอาพรรคใดพรรคหนึ่งมาเป็นตัวอย่าง อาจมีประสบการณ์เอามา โดยต้องเป็นการเมืองใหม่จริงๆ ซึ่งพรรคที่จะตั้งขึ้นจะมีข้อได้เปรียบ เมื่อเทียบกับสมัยเก่าอยู่ 3 ประการ คือ มีคนรู้เรื่องการเมืองมากขึ้นรวมกลุ่มเป็นพันธมิตรฯ มีสื่อ เอเอสทีวีที่ประชาชนติดตาม และมีองค์กรอิสระช่วยกันตรวจสอบดูแล ไม่ให้มีการซื้อเสียงหรือให้การโกงเลือกตั้งทำได้ยากขึ้นคือมี กกต.” หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ระบุ

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า หากทำการเมืองต้องเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล จึงจะมีโอกาสเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า เพราะการเมืองไทยมีโอกาสน้อยสำหรับพรรคที่ได้เสียงข้างน้อยจะได้จัดตั้งรัฐบาล ไม่เช่นนั้นโอกาสผลงานจะไม่เกิด ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับรัฐบาล พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ หากไม่ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลต่อไปก็คงลำบาก คราวต่อไปจะเอาอะไรมาดึงดูดประชาชนให้มาลงคะแนน

อย่างไรก็ตาม แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า การเกิดการรวมตัวของพันธมิตรฯ ที่เป็นการเมืองภาคประชาชน เกิดมาจากที่เราต้องการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ อันเนื่องมาจากการบริหารผิดพลาดสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร วัตถุประสงค์เราชัดเจนมาก ช่วงท้ายๆ เราคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 เรียกร้องให้รัฐบาลที่เป็นหุ่นเชิดออก ถ้าอยู่นานไป ยิ่งจะทำความเสียหายให้กับประเทศมากขึ้น เราสามารถระดมผู้คนได้มากมาย ล้วนแต่เป็นผู้เสียสละ มีจิตใจกลมเกลียว เหนียวแน่นมากด้วยปัจจัยสองประการ หนึ่งคือ ประชาชนที่มาร่วมกับเราวัตถุประสงค์ชัดเจน และประการที่สองคือ เรามีเอเอสทีวี ถ้าไม่มีก็คงไม่สามารถรวมตัวกันได้มากมายขนาดนี้

“ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า การเมืองภาคประชาชนเป็นพลังอย่างแท้จริง และประเทศชาติของเรายังไม่มั่นคง วิกฤตการณ์ที่แล้วมาในอดีตไม่เคยแก้ไขในสภาได้เลย ต้องใช้การเมืองภาคประชาชนทั้งนั้น พลังของการเมืองภาคประชาชนยังจะต้องมีอยู่ต่อไป ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็แก้ไม่ได้ สภาไม่ว่าจะเป็น ส.ส.-ส.ว.ก็แก้ไม่ได้ เราจนแต้มจริงๆ ต้องใช้พลังประชาชน การรวมกลุ่มกันยังต้องยืนหยัดต่อไป เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวทิ้งท้าย