“แก๊งป่วนเมือง” ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมอัยการ ขอสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม คดีร่วมกันเป็นหัวหน้า-ผู้สั่งการ สร้างความวุ่นวานในบ้านเมือง โวยพนักงานสอบสวนเร่งทำคดีเกินไป ด้าน “กายสิทธิ์” รับไว้สอบเพิ่มตามหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนคดีล้มประชุมอาเซียน ที่พัทยา ต้องให้อัยการสูงสุดพิจารณา
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 09.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหา 3 ใน 14 คน คดีร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ มาตรา 215 วรรคแรก และวรรคสาม และตามประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เพื่อขอให้พนักงานอัยการสอบสวนพยานเพิ่มเติม
สำหรับหนังสือดังกล่าวระบุว่า พนักงานสอบสวนคดีนี้เร่งรีบสรุปสำนวน โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้นำพยานหลักฐานเข้าให้ปากคำอย่างเพียงพอ หรือไม่ให้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง ถือว่าเป็นการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ชุนนุมโดยสงบ เปิดเผยปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 และเมื่อเปรียบเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และที่อื่นๆแล้ว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไม่ได้เร่งรัดคดี ซึ่งขณะนี้คดียังไม่แล้วเสร็จ ถือว่าเป็นการดำเนินคดีต่อบุคคลสองกลุ่มโดยเลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐาน
ดังนั้น การที่พนักงานสอบสวนเร่งรีบทำสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องพวก นปช. จึงถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง อีกทั้งการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะยกคำร้อง แต่ขณะนี้ได้ยื่นให้ศาลอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ขณะที่การยื่นหนังสือต่อการประชุมอาเซียน+3+6 ที่พัทยา พนักงานสอบสวนได้เร่งรัดสอบสวน ส่งสำนวนให้อัยการในเวลาอันรวดเร็วอย่างมีพิรุธเช่นกัน จึงขอให้อัยการสอบสวนพยานเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในคดีเสียก่อน พร้อมกันนี้ได้ขอยื่นขอความเป็นธรรมในคดีที่พัทยาด้วย
ภายหลัง นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาไว้ ขอยืนยันว่าจะพิจารณาสำนวนไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ เพราะหากเร่งพิจารณาฟ้องต่อศาล แล้วหากศาลพิพากษายกฟ้องก็ไม่มีประโยชน์ เพราฉะนั้นพนักงานอัยการจะพิจารณาสำนวนด้วยความเป็นธรรม และจะสอบสวนพยานเพิ่มเติมให้ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอ โดยขอให้ทนายความของผู้ต้องหา ระบุบัญชีรายชื่อเสนอต่อพนักงานอัยการ รวมถึงประเด็นที่ต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติม
ส่วนคดีที่พัทยานั้นได้รับหนังสือไว้ก่อน เพื่อเสนอให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาต่อไป เพราะตนไม่มีอำนาจให้การพิจารณาสำนวนคดีที่พัทยา
