“เทพไท” ปฏิเสธสัมมนา ส.ส.พรรคที่สมุยไม่ได้หวังเคลียร์ใจ 40 ส.ส. หลังเรียกร้องให้ปรับ ครม. ย้ำเป็นเรื่องปกติหลังประชุมสภาต้องมีการหารือกันภายในพรรค โวผลตอบรับดีกว่าทุกครั้ง ยันพรรคยังแน่นปึ้ก เย้ยไม่เหมือนบางพรรคง่อนแง่นยังหาตัวหัวหน้าพรรคไม่ได้
วันนี้ (23 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสัมมนาส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎ์ธานี ว่า การสัมมนาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการสัมมนาเพื่อแก้ไขปัญหากรณีความขัดแย้ง40 ส.ส.ที่เรียกร้องให้ปรับครม.ในส่วนของพรรค แต่เป็นแผนการตามกำหนดการเดิมของพรรคตามปกติ ที่ทุกครั้งหลังปิดสมัยประชุมสภา จะมีการสัมมนาเพื่อพูดคุย และสร้างความสัมพันธ์ภายในพรรค อีกทั้งเป็นการทบทวนการทำงานของ ส.ส.ในพรรคที่ผ่านมาด้วย ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้จึงไม่ได้เน้นหนักทางวิชาการเหมือนทุกครั้งแต่เป็นการสัมมนาเชิงสังสรรค์และพักผ่อน ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แม้แต่ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภารกิจค่อนข้างมากก็ยังปลีกตัวมาร่วมกิจกรรม และส่งสมาชิกลงเรือจนเสร็จภารกิจ และกลับไปเพื่อร่วมกิจกรรมกับสมาคมนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุย และกลับกทม.เพื่อร่วมกิจกรรม สัมมนาชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศที่รัฐสภาจัดขึ้น
“การสัมมนาครั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีเรื่องความแตกแยกเกิดขึ้นในพรรคแต่อย่างใด สมาชิกพรรคทุกคนยังกลมเกลียวสามัคคีกัน ไม่ปรากฎภาพของกลุ่ม 40 ส.ส.หรือการตั้งป้อมที่จะกดดันรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดเพื่อให้มีการปรับ ครม.ทั้งสิ้น” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ในสถานการณ์การเมืองวันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นเอกภาพสูงสุด คนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหญ่ ผู้อาวุโส มีการทำงานถ่ายทอดประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ทำงานด้านการเมืองสมเป็นพรรคเชิงสถาบันต่อไป และเชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นในส่วน ครม.พรรคประชาธิปัตย์และผู้บริหารของพรรค ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่ยังสับสนวุ่นวาย หาตัวผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคยังไม่ได้ หัวหน้าพรรคเก่าลาออกแล้ว ประกาศกลับเข้ารับตำแหน่งใหม่ สมาชิกออกมาทวงสัญญาประชาคม กลับเลื่อนการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคออกไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเมืองที่วุ่นวายขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่เกิดที่พรรคการเมืองบางพรรคที่มีสภาพไม่เป็นพรรคการเมือง รอการตัดสินใจและบงการของบุคคลเพียงคนเดียว ถ้าเป็นสภาพพรรคการเมืองจริง ก็คงจะได้ตัวหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาไปแล้ว คงไม่ปล่อยให้สภาร้างผู้นำฝ่ายค้าน จนสิ้นสุดสมัยประชุมไป