“ประเสริฐ” ประธานอนุฯปฏิรูปการเมือง เล็งเสนอรัฐบาลตั้งองค์กรปฏิรูปฯ ระยะยาว เหน็บนักการเมืองเลือนแบบวัฒนธรรมการเมืองแบบตะวันตก แต่กลับไม่เข้าถึงแก่น ย้ำต้องสร้างจิตสำนึกที่ดี ชี้ เหตุปฏิรูปแต่กลับเบี่ยงเบนประเด็นแก้รัฐธรรมนูญเป็นหลัก แนะสื่อช่วยกันจับตา
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาเพื่อการปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า คณะอนุกรรมการได้วางกรอบการพิจารณาไว้ 4 กรอบใหญ่ ได้แก่ 1.โครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2.โครงสร้างวิถีวัฒนธรรมประชาธิปไตย 3.หลักการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรม 4.การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะส่วนร่วมจากภาคประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการศึกษาเพื่อวางแนวทางการปฏิรูปการเมืองและสังคมไทยสำหรับอนาคต เพื่อปลูกจิตสำนึกของประชาชน สังคม และโดยเฉพาะตัวนักการเมืองเองให้มีจิตสำนึกความรับผิดชอบด้านประชาธิปไตย เพราะวันนี้เราใช้ประชาธิปไตยตามชาติตะวันตกแต่กระพี้ ไม่ได้เข้าถึงแก่น เลยมีแต่ความเห็นแก่ได้ ซึ่งกรอบเวลา 45 วัน อาจทำไม่เสร็จ ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯจะมีข้อเสนอแนบท้ายไปยังรัฐบาล ให้ตั้งองค์กรขึ้นมาองค์กรหนึ่งที่เป็นกลาง โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนอาจเป็นสภาปฏิรูป หรือสภาพัฒนาประชาธิปไตยเพื่อดำเนินการปฏิรูปการเมืองและสังคมให้สำเร็จเป็นรูปธรรมจริง
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า แต่วันนี้แทนที่เราจะให้ความสำคัญกับส่วนหัวอย่าง เรื่องการสร้างความสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป แล้วค่อยนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรากลับไปร่วมกระดิกหางก่อนหัว เน้นแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่นักการเมืองบอกต้องแก้ เพราะเขาเดือดร้อน ธงทั้ง 3 ธงนี้จึงโดนบีบจากนักการเมืองที่เป็นกระแสค่อนข้างแรง
เมื่อถามว่า หากขวางไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้จริงๆ จะทำอย่างไรไม่ให้กระบวนการเสียไปทั้งหมด นายประเสริฐตอบว่า เมื่อหัวต้องกระดิกตามต้องหาง เราก็ต้องพยายามควบคุมไม่ให้มันเป๋ไปทั้งตัว โดยเฉพาะสื่อที่ต้องช่วยกันดู เพราะคนพวกนี้กลัวสื่อ อย่าง นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ช่วงแรกมีการเสนอความเห็นค่อนข้างแรง แต่เมื่อโดนจับตาจากสื่อหนักเข้าก็ต้องนิ่ง อย่างไรก็ตามในการทำงานช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของคณะกรรมการชุดใหญ่ จะพยายามออกมาสื่อสารกับสื่อมวลชน เราต้องช่วยกันกดอย่าให้หางกระดิกมากนัก
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาเพื่อการปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า คณะอนุกรรมการได้วางกรอบการพิจารณาไว้ 4 กรอบใหญ่ ได้แก่ 1.โครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2.โครงสร้างวิถีวัฒนธรรมประชาธิปไตย 3.หลักการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรม 4.การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะส่วนร่วมจากภาคประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการศึกษาเพื่อวางแนวทางการปฏิรูปการเมืองและสังคมไทยสำหรับอนาคต เพื่อปลูกจิตสำนึกของประชาชน สังคม และโดยเฉพาะตัวนักการเมืองเองให้มีจิตสำนึกความรับผิดชอบด้านประชาธิปไตย เพราะวันนี้เราใช้ประชาธิปไตยตามชาติตะวันตกแต่กระพี้ ไม่ได้เข้าถึงแก่น เลยมีแต่ความเห็นแก่ได้ ซึ่งกรอบเวลา 45 วัน อาจทำไม่เสร็จ ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯจะมีข้อเสนอแนบท้ายไปยังรัฐบาล ให้ตั้งองค์กรขึ้นมาองค์กรหนึ่งที่เป็นกลาง โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนอาจเป็นสภาปฏิรูป หรือสภาพัฒนาประชาธิปไตยเพื่อดำเนินการปฏิรูปการเมืองและสังคมให้สำเร็จเป็นรูปธรรมจริง
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า แต่วันนี้แทนที่เราจะให้ความสำคัญกับส่วนหัวอย่าง เรื่องการสร้างความสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป แล้วค่อยนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรากลับไปร่วมกระดิกหางก่อนหัว เน้นแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่นักการเมืองบอกต้องแก้ เพราะเขาเดือดร้อน ธงทั้ง 3 ธงนี้จึงโดนบีบจากนักการเมืองที่เป็นกระแสค่อนข้างแรง
เมื่อถามว่า หากขวางไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้จริงๆ จะทำอย่างไรไม่ให้กระบวนการเสียไปทั้งหมด นายประเสริฐตอบว่า เมื่อหัวต้องกระดิกตามต้องหาง เราก็ต้องพยายามควบคุมไม่ให้มันเป๋ไปทั้งตัว โดยเฉพาะสื่อที่ต้องช่วยกันดู เพราะคนพวกนี้กลัวสื่อ อย่าง นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ช่วงแรกมีการเสนอความเห็นค่อนข้างแรง แต่เมื่อโดนจับตาจากสื่อหนักเข้าก็ต้องนิ่ง อย่างไรก็ตามในการทำงานช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของคณะกรรมการชุดใหญ่ จะพยายามออกมาสื่อสารกับสื่อมวลชน เราต้องช่วยกันกดอย่าให้หางกระดิกมากนัก