“อภิสิทธิ์” เป็นประธานเปิดโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก โดยมี รมต.ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมฯ ตลอดจนถึง ผบ.ทบ. และตัวแทนทุกภาคส่วนร่วมพิธี ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ทุกคนร่วมปลูกป่าเพื่อนำความอุดมสมบูรณ์กลับคืนสู่ผืนแผ่นดินไทย
วันนี้ (22 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี มหกรรมการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก ณ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บ้านหนองเต่าดำ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งจัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกองทัพบก โดยมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ศิลปินดารา นักเรียน นิสิต นักศึกษา สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงได้มีการเปิดกรวยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต่อจากนั้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานว่า สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในปีแรกเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบกับนโยบายสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนดให้มีการส่งเสริมอาชีพและสร้างได้จากการปลูกป่า อีกทั้งบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับกองทัพบก เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ได้ระบุให้กองทัพบกและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้
ดังนั้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวันฉัตรมงคล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ จึงได้ร่วมกับกองทัพบก จัดทำโครงการปลูกต้นไม้ภายใต้ชื่อโครงการพลิกฟื้นผืนป่า ด้วยพระบารมี มหกรรมการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก ณ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บ้านหนองเต่าดำ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ในเนื้อที่ 200 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้แสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2552 รวมทั้งเพื่อปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ ด้วยการรณรงค์ให้มีการปลูกต้นไม้ และก่อให้เกิดความรักและหวงแหนต้นไม้ ตลอดจนถึงสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นแนวทางหนึ่งที่จะแสดงถึงความสมานฉันท์ระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งช่วยลดภาวะโลกร้อน สำหรับการจัดพิธีปลูกต้นไม้ดังกล่าวจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ คือ ที่ จ.เชียงใหม่ จ.ชลบุรี จ.ขอนแก่น และ จ.สงขลา
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานมหกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ ว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญของรัฐบาลในการพลิกฟื้นผืนป่าของประเทศให้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น และช่วยแสดงถึงความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลแห่งการบรมราชาภิเษก ที่จะครบรอบปีที่ 60 ในปี พ.ศ.2553 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำรัสในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ไว้ในโอกาสต่างๆ อยู่เสมอ โดยได้ทรงขอให้ประชาชนชาวไทยร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ รักษาป่าต้นน้ำ และรักษาความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะทรงตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ที่มีต่อการดำรงชีวิตของคนและสัตว์ ดังนั้น รัฐบาลจึงเห็นว่าแนวทางหนึ่งในการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีของพสกนิกรต่อพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าล้นกระหม่อมของทั้งสองพระองค์
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาโครงการปลูกป่าครั้งใหญ่ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่ง คือ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองราชย์ปีที่ 50 เมื่อปี พ.ศ.2537-2539 โดยโอกาสดังกล่าวสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้หลายล้านไร่ทั่วประเทศ ดังนั้น การดำเนินงานครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้อีกส่วนหนึ่ง โดยรัฐบาลชุดนี้ได้กำหนดนโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและป่าไม้ไว้ว่า จะดำเนินการอนุรักษ์และป้องกันรักษาป่าที่สมบูรณ์ พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการปลูกและฟื้นฟูป่าตามแนวพระราชดำริ การสนับสนุนการจัดการป่าชุมชน และส่งเสริมการปลูกป่าไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ที่เหมาะสม ดังนั้น กิจกรรมการปลูกป่าในวันนี้จึงเป็นการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวอีกทางหนึ่ง คือ นอกจากจะมีผลต่อการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศแล้ว ซึ่ยังมีผลดีต่อการสร้างความสมดุลนิเวศ การป้องกันน้ำท่วม การทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล และจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบันด้วย
หลังจากกล่าวเปิดงานแล้ว นายกรัฐมนตรีได้ลั่นฆ้อง 3 ครั้ง และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบคู่มือปฏิบัติงานสำหรับข้าราชการทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ให้แก่ผู้บัญชาการทหารบก จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้มอบต้นกล้าไม้มงคลประจำจังหวัดให้แก่ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด 9 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรปราการ จ.สุพรรณบุรี จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ปล่อยชุดลาดตระเวนร่วมระหว่างทหารบก ป่าไม้ อาสาสมัครพิทักษ์ป่า (อส.) และราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) พร้อมทั้งเยี่ยมชมการจัดนิทรรศการการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และร่วมปลูกต้นโมกมัน และปล่อยนกกระหรอดหัวจุก จำนวน 99 ตัว คืนสู่ธรรมชาติ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ