xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงสมศักดิ์”นั่งประธานประชุมสภาพันธมิตรฯ -เปิดทางพี่น้องเสนอความเห็นเต็มที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศักดิ์ โกศัยสุข
“สมศักดิ์ โกศัยสุข”รับหน้าที่ประธานที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ รับฟังความเห็นตัวแทนทั่วประเทศ 24 พ.ค.นี้ ที่ ม.รังสิต เผยพร้อมเปิดโอกาสทุกคนแสดงความเห็นเต็มที่ โดยไม่มีการตั้งธงจากแกนนำส่วนกลาง จวกพวกการเมืองเก่า กล่าวหาล็อกผลโหวตให้ตั้งพรรคฯ ย้ำถึงมติออกมาอย่างไร องค์กรพันธมิตรฯ ยังคงอยู่ เพื่อต่อสู้ในส่วนของภาคประชาชนต่อไป



รายการคนในข่าว ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 21 พ.ค.2552 นางสาวรัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ ดำเนินรายการ โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแขกรับเชิญ โดยนายสมศักดิ์ ในฐานะประธานสภาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะมีการเปิดประชุมครั้งแรกในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดให้มีสภาพันธมิตรฯ ว่า เกิดจากการประชุมของแกนนำที่เห็นว่าระหว่างการชุมนุมที่ผ่านมา ก่อนที่จะไปชุมนุมที่ใดได้ถามความเห็นของพี่น้องผู้ร่วมชุมนุมก่อนทุกครั้ง โดยตนเป็นคนทำหน้าที่ในการถามพี่น้องพันธมิตรฯ และให้ยกมือ เนื่องจากเคยผ่านประสบการณ์การเป็นผู้นำแรงงานที่มีการประชุมในลักษณะนี้ไม่ต่ำกว่าพันครั้ง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการประชุมสภาพันธมิตรฯ ในวันที่ 24 นี้ ผู้ที่มาประชุมไม่มีเบี้ยเลี้ยง มากันเอง มีกติกาในการประชุมง่ายๆ ผู้พูดต้องยกมือและแนะนำตัวเองก่อน เมื่อประธานชี้ก็พูด และพูดให้ตรงประเด็น โดยจะเปิดโอกาสให้อภิปรายกันให้มากที่สุด เมื่อเหตุผลตกผลึกก็จบ บางเรื่องอาจไม่ลงมติ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมข้อมูลไว้ก่อน เช่น จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ จะนำไปลงมติในที่ประชุมใหญ่วันที่ 25 พ.ค.จึงอยากให้พี่น้องประชาชนไปให้มาก จะได้ร่วมกันตัดสินใจ

สำหรับหัวข้อในการประชุมวันที่ 24 พ.ค.ประเด็นแรกจะนำเสนอโครงสร้างทางการเมืองโดยสรุปให้เห็นถึงปัญหาตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ซึ่งมีการยึดอำนาจของทหาร การคอร์รัปชั่นของนักการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง,การให้ข้อมูลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เป็นต้น โดยคนทำหน้าที่ประธานจะทำตัวเป็นกลาง และให้ทุกคนมีส่วนในการเสนอประเด็นอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งการมีความเห็นต่างกันถือเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ถือว่าเป็นความขัดแย้ง แต่เมื่อฟังเหตุผลกันแล้วก็ปรับเข้าหากันได้ แต่ทั้งนี้ประธานต้องจับประเด็นให้แม่นว่าเรื่องที่พูดใช่ประเด็นที่ควรจะนำไปสู่การโหวตหรือเปล่า และประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงว่าต้องเห็นด้วยครึ่งหนึ่งไม่เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง บางเรื่องที่คนเข้าใจชัดเจนตรงกันก็อาจเห็นเป็นเอกฉันท์ก็ได้ แต่บางเรื่องที่ละเอียดอ่อน ก็อาจจะเห็นต่างกัน ซึ่งต้องฟังเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างมากอาจจะผิดก่อนได้ เมื่อทำไปสักพักอาจต้องมาคุยกันใหม่

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการล็อกคนที่เข้าประชุมและล็อกเรื่องตั้งพรรคการเมืองไว้แล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก คนพวกนี้เป็นพวกการเมืองเก่าก็คิดแบบนี้ เอาประสบการณ์ของตัวเองมาวัด เหมือนพวกขี้โกง จะทำอะไรถ้าไม่ได้ประโยชน์ตัวเองก็จะไม่ทำ พอใครทำอะไร ก็ต้องบอกว่าได้อะไร ไม่เชื่อหรอกว่าไม่ได้อะไร จึงมาทำ แต่ว่าพี่น้องพันธมิตรฯ ของเราเห็นชัดแจ้งว่า มีความเสียสละอย่างเห็นว่าประเทศไทยมีความหวัง ระหว่างชุมนุม มีคนเอาเงินมาบริจาคเป็นแสน 2 แสนแล้วไม่บอกชื่อ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้ไปรับฟังความเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯ ในแต่ละภูมิภาคมาแล้ว ล่าสุดได้ไปทางภาคอีสาน เพื่อไปอธิบายให้ฟังถึงการไปร่วมประชุมในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งทุกคนสามารถเสนออะไรได้เต็มที่ ให้ไปร่วมกันให้มากๆ โดยเราต้องการความเห็นจากทุกที่ และแกนนำที่ส่วนกลางจะไม่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรหรืออะไร หลักของเราคือพี่น้องว่าอย่างไร เราเอาอย่างนั้น

“แต่ว่า หลักใหญ่ๆ คือ ถ้าสมมุติว่า มีความเห็นว่าให้มีพรรค ขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังอยู่ ธรรมชาติของการเมืองของทั่วโลกไม่ว่าประเทศไหน มันจะมีอยู่ 2 ส่วน คือภาคพลเมืองที่มีการรวมตัวกันเป็นองค์กรโน้นองค์กรนี้คอยติดตามคอยตรวจสอบการจัดการของนักการเมือง แล้วก็ภาคหนึ่งเขาเรียกว่าภาคในสภา ถ้าเป็นการเมืองท้องถิ่นก็อาจเป็นเทศบาล อบต. อบจ. สภา กทม. สภาเมืองพัทยา หรือว่า ส.ส. ส.ว. พวกนั้นต้องมี ไม่มีไม่ได้ ประเทศแต่ละประเทศจะขาด 2 ส่วนนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่า ข้างนอกก็จะหายไป เมื่อเข้ามาเป็นข้างใน มันต้องมีทั้ง 2 ส่วน เพื่อที่จะคอยตรวจสอบถ่วงดุล ถ้าเห็นว่าถูกก็ผลักดัน อะไรที่รัฐบาลทำถูกเราก็สนับสนุน อะไรที่ทำไม่ถูกเราก็ท้วงติง คัดค้าน สิ่งเหล่านี้เราต้องแยกกัน”

นาสมศักดิ์ ย้ำว่า หากมีการตั้งพรรคจริง กระบวนการภาคประชาชนในนามพันธมิตรฯ จะต้องยังอยู่ 2 ส่วนนี้ถ้ายิ่งสัมพันธ์กันก็จะยิ่งแข็งแรง เวลารัฐบาลมีปัญหา ไม่ต้องเดินขบวนมาก ก็จะถูกกดดันให้ลาออก และประชาชนก็มีสิทธิที่จะต่อต้านรัฐบาลที่ทำผิด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 70 เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถ้าข้างในรัฐบาลมีคนที่มีจิตสำนึกเพราะมากจากการเมืองใหม่ ก็จะมีหิริโอตัปปะ ทำอะไรไม่ถูกก็รู้ตัวเอง ก็ลาออก ประเทศก็จะสงบ ที่ผ่านมา มันเกิดปัญหาเพราะนักการเมืองหน้าด้าน ทำผิดแล้วไม่ยอมออก แกล้งโง่ ไม่คิดแก้ปัญหา ตอนนี้ก็กำลังจะแก้รัฐธรรมนูญ ปัญหารากเหง้าของชาติเราคือนักการเมืองโกง และการเมืองเก่าก็ไม่ยอมแก้ เป็นปัญหาที่เราจะยอมไม่ได้

(ติดตามรายละเอียดทางวิดีโอคลิป)
กำลังโหลดความคิดเห็น