"กรณ์" กล่าวย้ำบนเวทีประชุมเชิงวิชาการ ก.พ. ยันจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 8 แสนล้านบาท ชี้แม้ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ของจีดีพี แต่อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ เผยเงินจำนวนดังกล่าวจะนำไปลงทุนโครงการต่างๆ ที่ทำให้ศก.ฟื้นตัว และก่อให้เกิดการจ้างงาน ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านศก. แนะรัฐควรหาแนวทางผลักดันศก.ไทยให้ขยายตัวร้อยละ 2 พร้อมหาทางทำให้ศก.ไทยฟื้นตัวอยู่ในระดับเดียวกับการฟื้นตัวของศก.โลก
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปบรรยายในการประชุมเชิงวิชาการ หัวข้อ “การบริหารเศรษฐกิจประเทศในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย” โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 18 พค.นี้ จะเสนอให้สภาพิจารณาวาระแรกในกรณีการออกกฎหมายกู้เงิน ทั้งการออกกฎหมายเป็น พ.ร.ก.และเป็น พ.ร.บ. วงเงิน 8 แสนล้านบาท โดยจะเป็นการกู้เงินภายในประเทศทั้งหมด และขอยืนยันว่า การกู้เงินจำนวนดังกล่าวอยู่ในกรอบการรักษาวินัยทางการคลัง ถึงแม้จะทำให้ภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60 ของจีดีพีก็ตาม แต่ยังถือเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับสิ่งที่ทุกฝ่ายเป็นห่วงเรื่องภาระหนี้สูงขึ้น และในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องรายได้ภาษีที่รัฐจัดเก็บได้แค่ 1.3 ล้านล้านบาทนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเงินจำนวนดังกล่าว แค่นำไปจ่ายเงินเดือนให้เหล่าข้าราชการก็หมดแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังไม่กู้เงิน จนทำให้มีคนตกงานเป็นจำนวนมาก และการกู้ดังกล่าวภาระหนี้จะไปตกอยู่ภาคครัวเรือน จึงปัญหาสังคมตามมา ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจะเข้าไปแบกรับภาระหนี้แทน ด้วยการนำเงินไปลงทุนผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวน 1.5-2 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งซื้อสินค้าจากเอกชน ที่คาดว่าจะทำให้จีดีพีขยายตัวร้อยละ 2 ต่อปี ในช่วง 3 ปีของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2
ขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและรองรับปัญหาคนว่างงานได้ในปัจจุบันนั้น รัฐบาลจะต้องหาแนวทางผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวให้ได้ร้อยละ 2 และหาทางที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอยู่ในระดับเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งไทยจะต้องเตรียมตัวรองรับเรื่องดังกล่าว เพราะคาดว่าประเทศในแถบเอเชียจะเป็นกลุ่มประเทศแรกที่ฟื้นตัวได้ก่อนประเทศอื่น เพราะถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเข้มแข็งมาก และมีทุนสำรองสัดส่วนถึงร้อยละ 65 ของโลก ดังนั้น การที่รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายด้านเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดผลิตและการจ้างงานก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการต้นกล้าอาชีพ เพราะจะเป็นโครงการรองรับการเปลี่ยนงานใหม่ของผู้ว่างงานได้อีกทางหนึ่ง