“ลูกกระจ๊อกหางแดง” พล่านน้ำเลี้ยงนายใหญ่ต่อ อ้างถูกปิดกั้นข่าวสาร เปิดตัวหนังสือพิมพ์หัวแดง “เรดนิวส์” สนนราคาฉบับ 10-15 บาท เนื้อหาภายในไม่มีไรใหม่ คอลัมนิสต์คนกันเอง เล็งประสาน “เจ๊เพ็ญ” ร่วมสะบัดปากคำหน้า 3 เตรียมวางจำหน่าย 29 พ.ค.นี้ เผยเตรียมชุมนุม 16-18 พ.ค.พร้อมจัดรำลึกวีรชนพฤษภาประชาธรรม ขณะที่นักวิชาการสีแดงขาประจำ ร่วมรุมสวดรัฐบาลและรัฐธรรมนูญ ตัวการทำประชาธิปไตยถดถอย จาบจ้วงไปถึงสถาบัน สร้างสำนึกคนคิดว่ายังเป็นไพร่ ทำประเทศไม่ก้าวหน้า
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ รร.รัตนโกสินทร์ เมื่อเวลา 12.00 น.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) โดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ นปช.ในฐานะผู้อำนวยการบริหารหนังสือพิมพ์เรดนิวส์ และ นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์และโฆษณา หนังสือพิมพ์เรดนิวส์ แถลงข่าวเปิดตัว “หนังสือพิมพ์ เดอะเรดนิวส์” สื่อทางเลือกเพื่อสังคมประชาธิปไตย
โดย นายสมยศ กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงถูกรัฐบาลปิดกั้นการเผยแพร่และรับรู้ข่าว สาร จากการที่รัฐบาลอายัดอุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณสถานีโทรทัศน์ ดี สเตชั่นและการปิดวิทยุชุมชนในเครือข่ายคนเสื้อแดง และเมื่อมีการเรียกร้องให้รัฐบาลให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าว กลับได้รับความนิ่งเฉย ดังนั้น กลุ่มเสื้อแดงจึงได้ เดินหน้าต่อสู้ต่อไป ด้วยการจัดทำหนังสือพิมพ์เดอะเรดนิวส์ ขึ้น เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความต้องการของคนเสื้อแดง โดยยึดหลักสนับสนุนประชาธิปไตยต่อต้านระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ และทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานและเสนอทางออกให้กับรัฐบาล
นายวิบูลย์ กล่าวว่า หนังสือพิมพ์เรดนิวส์ ได้พิมพ์เผยแพร่ฉบับแรก เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีรูปแบบเป็นแท็บลอย จัดพิมพ์เป็นสีขาวดำ แต่ฉบับใหม่นี้ จะปรับโฉมใหม่ ปกหน้าหลังพิมพ์ 4 สี ออกเป็นราย 5 วัน มีความหนาประมาณ 18-24 หน้า จัดพิมพ์จำหน่ายประมาณ 30,000-50,000 ฉบับ ราคา 10-15 บาท โดยจะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 29 พ.ค.นี้ โดยเครือข่ายคนเสื้อแดง และสามารถติดตามข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ www.thairednews.com ทั้งนี้ ทีมงานของเดอะเรดนิวส์ จะเป็นทีมข่าวจากทีมดีสเตชั่นเดิม และจะมีนักเขียนประจำคอลัมน์ อาทิ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายมานิต จิตต์จันทร์กลับ แกนนำ นปช.และอยู่ระหว่างการติดต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข โดยจะให้เขียนบทความประจำแสดงความคิดเห็นในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ด้วย
ส่วนการจัดหาทุนที่ใช้ดำเนินการ ยืนยันว่า หนังสือพิมพ์เรดนิวส์ ไม่มีนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่จะได้มาจากการระดมทุนจากการจัดกิจกรรมของและการบริจาค โดยการระดมทุนครั้งแรก จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พ.ค.เป็นงานดินเนอร์ทอล์ก มีการอภิปรายเรื่อง “อนาคตประชาธิปไตยไทย-ใต้ฟ้าสีเทา” ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เวลา 16.00-22.00 น.โดยมีวิทยากร อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา สมาชิกบ้าน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.โดยจะจำหน่ายบัตรโต๊ะจีนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน ราคาบัตรละ 1,000 บาท หรือโต๊ะจีนละ 10,000 บาท มีจำนวน 300 โต๊ะ ยอดที่ตั้งเป้าไว้ 3 ล้านบาท
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทีมงานดีสเตชั่น ได้ทำการเช่าดาวเทียม นิวส์สตาร์ 6 ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงเดียวกับที่สถานีเอเอสทีวี โดยส่งสัญญาณออกอากาศจากฮ่องกง และจะเตรียมออกอากาศ โดยใช้ชื่อสถานี ว่า “เรดสเตชั่น” ในวันที่ 18 พ.ค.โดยประชาชนสามารถรับชมรายการได้ที่ช่องสถานีรายการดีสเตชั่นเดิม
นายสมยศ กล่าวว่า ในส่วนของการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง จะนัดชุมนุมในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 17.00-22.00 น.ที่สนามหลวง และมีการตั้งเวทีปราศรัย ส่วนในวันที่ 17 พ.ค.จะมีการจัดงานรำลึกเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม โดยในเวลา 07.30 น.จะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเวลา 17.00-24.00 น.จะมีการจุดเทียนไว้อาลัยเช่นกัน ขณะที่วันที่ 18 พ.ค.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ผ่านไปยังคณะอนุกรรมการสมานฉันท์ เพื่อส่งสัญญาณถึงความต้องการประชาชนในการนำรัฐธรรมนูญ 40 มาใช้ ยืนยันว่า การชุมนุมวันนั้นจะไม่มีความรุนแรง และจะสลายการชุมชุมในช่วงเย็นของวันดังกล่าว
ขณะที่ในเวทีเสวนา “17 ปี พฤษภาฯยังฆ่าประชาชน (ไม่หมด)” ซึ่งมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย สมาพันธ์ประชาธิปไตย และกลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 40 ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อรำลึก เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 โดยก่อนเสวนา นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ได้นำวิดีโอคลิปภาพเหตุการณ์การสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ที่สำนักข่าวบีบีซีบันทึกได้ โดยเป็นภาพทหารยิงปืนขึ้นฟ้า แต่มีบางส่วนยิงปืนในแนวระดับ และปากกระบอกปืนไม่มีอแดปเตอร์ที่ใช้สำหรับกระสุนยาง ซึ่ง นพ.เหวง ได้ตั้งคำถามถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า หากกระสุนที่ทหารใช้สลายการชุมนุมนั้นเป็นกระสุนปลอม เหตุใดปลายกระบอกปืนจึงไม่มีอแดปเตอร์ และเหตุใดทหารถึงต้องยิงปืนในแนวระดับ
นพ.เหวง กล่าวว่า เสียใจในผลพวงของการต่อสู้ของวีรชน พฤษภา 35 เพราะวันนี้ได้อันตรธานสูญหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนั้นเป็นการรวมตัวกันต่อสู้กับรัฐทหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอำมาตยาธิปไตย แต่การรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ทำให้รัฐอำมาตยาธิปไตยเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น เพราะนอกจะโค่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้แล้ว ยังล้มระบอบประชาธิปไตยไปด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หวังไว้ตอนนี้มากที่สุด คือ ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศแก้ไขรัฐอำมาตยาธิปไตย ให้ประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร ทั้งนี้ ยังอยากถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ผ่านมา มีความชอบธรรมตามกฏหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ จะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ด้วย การที่เอาทหารมาสลายการชุมนุมพร้อมกับปืน เอ็ม16 นั้น สุจริตหรือไม่
พล.ต.อ.อชิรวิชช์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร.ตั้งข้อสังเกตข้อผิดพลาดประชาธิปไตยไทย 40 ปีที่ผ่านมา ว่า การเมืองหากยังต้องการการสนับสนุนจากกองทัพ จะต้องรู้จักวิธีจัดการกับกองทัพด้วย หากฝ่ายการเมืองประมาท ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทัพ ตามข้ออ้างของกองทัพ ก็จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งคำว่า 0143 สมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด คือ ทหาร สี่เหล่าในกองทัพ เป็นทหารที่จบและรับราชการรุ่นเดียวกันทั้งหมด ในอนาคต หากการเมือง ระบอบประชาธิปไตยจะเดินหน้าต่อไป ต้องระวังตรงนี้ให้หนัก เช่น ความผิดพลาดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ตั้งคนรุ่นเดียวกัน ขึ้นมากุมอำนาจถืออาวุธ เป็น ผบ.เหล่าทัพพร้อมกัน จนเป็นจุดสำคัญของการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญ
พล.ต.อ.อชิรวิชช์ กล่าวว่า รัฐบาลใดก็ตามหาคิดจะปิดการรับรู้ของประชาชน โดยใส่ความคิดของตนเองผ่านสื่อ ที่ตนกำหนดได้ ถือเป็นความคิดที่ผิดอย่างที่สุด และฝากถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่า ให้ขอพึงสังวรให้หนักว่า ไม่ใช่เพียงสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ หรือวิทยุ ที่รัฐบาลจะต้องดูแลและระมัดระวัง แต่สื่อที่ควรดูแลเข้มงวดให้มากที่สุด คือ สื่อทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสื่อเดียวไม่สามารถป้องกันได้อย่างเด็ดขาด รัฐบาลทักษิณ ได้สร้างอินเทอร์เน็ต เข้าสู่ตำบล หมู่บ้าน เร็วที่สุด และห้ามไม่ได้ ซึ่งเป็นสื่อที่รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมป้องกันได้ นอกจากนี้ เตือนไปยังกองทัพ ว่า สื่อทางอินเทอร์เน็ตบางเว็บไซต์ มีไว้เฉพาะกลุ่มที่ต้องใส่รหัสสมาชิกเข้าไป คนภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกไม่สามารถรู้ได้ว่ามีการใส่ข้อมูลอะไรไว้บ้าง รวมถึงการส่งจดหมายอิเลกทรอนิกส์ หรืออีเมล ไปแต่ละบุคคล ซึ่งกองทัพจะไม่มีทางรู้
พล.ต.อ.อชิรวิชช์ กล่าวว่า ตนเพิ่งลงจากเครื่องบิน มาจากตะวันออกกลางวันนี้ และได้สอบถามสิ่งที่ตนอยากรู้กับบางคน ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และรับรู้ว่า เป็นความขมขื่นแบบเดียวกับที่ตนเคยประสบมาก่อน ซึ่งหลัง 2490 หรือ 63 ปีมาแล้ว ที่เราใช้วิธีเดียวกัน ในการย้อนยุคระบอบประชาธิปไตยกลับไปสู่อำนาจเดิม คือ ให้ทหารกุมอำนาจ ให้รัฐบาลตกอยู่ภายใต้การชี้นำจากกองทัพ เรามีข้อหาเดียว ที่เมื่อใครถูกกล่าวหาแล้วไม่สามารถป้องกันตนเองได้ แต่วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อความจริงปรากฏ คนถูกกล่าวหา จะสำแดงหลักฐานด้วยการกระทำ ไม่ใช่ปาก วันนี้มีคำถาม ฝากสื่อช่วยไปถาม ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ด้วยว่า หลังปี 2540 เป็นต้นมา ที่เศรษฐกิจพังพินาศ เป็นผลทำให้การบริหารงาน สำนักทรัพย์สินฯมีปัญหา มีหนี้สิน ตนอยากถาม ดร.จิรายุ ว่ารัฐบาลไหน ว่าใคร ที่เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สินให้สำนักงานทรัพย์สินฯ จนเกิดความมั่นคง
นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เหตุที่ไทยไม่มีการเมืองแบบก้าวหน้า เหมือนยุโรป เพราะ 1.เรายังมีวัฒนธรรมไพร่ฟ้า ซึ่งตรึงประชาชนไว้ให้คิดว่าตัวเองยังเป็นไพร่ที่ยังต้องมีมูลนายต้องสังกัด 2.มีระบอบอำมาตยาธิปไตย หรือการเมืองแบบอำนาจมืด ไม่ต้องตรวจสอบ แต่สามารถคุมอำนาจในประเทศได้ ซึ่งเกิดมาตั้งแต่ 2490 สำหรับระบอบอำมาตยาธิปไตยนั้นมัก ชอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ พรรคการเมืองอ่อนแอ ปัจจุบันนี้อำมาตยาธิปไตย ชอบพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด เพราะพรรคนี้ชอบให้ข้าราชการเป็นฝ่ายวางนโยบาย หากปี 2549 ประชาธิปปัตย์เป็นรัฐบาลรับรองว่าจะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
นายคณิน บุญสุวรรณ ในฐานะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 40 เป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณของวีรชนทั้ง 3 รุ่น ทั้งทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง ส่วนรัฐธรรมนูญ 50 ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ ถือเป็นกฎของผู้ที่ชนะในการปฏิวัติ เพราะหลังการยึดอำนาจปี 2549 สิ่งที่ตามมาก็เหมือนตอนยึดอำนาจ เมื่อพฤษาภา 2534 ไม่ว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การสืบทอดอำนาจ การออกประกาศคณะปฏิรูปขึ้นมาเพื่อตั้งผู้คุมกฏให้ ทั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ คตส.ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นวิธีที่ดูแคลนการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้น หากจะถามถึงความสมานฉันท์ในวันนี้ ถ้าไม่มีการลดราหรือยอมรับว่า ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกันแล้ว ความสมานฉันคงเกิดขึ้นไม่ได้ หากต้องการสมานฉันท์สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ