ปชป.ปูดพบใบปลิวบ้าน ส.ส.สารคาม ปลุกมวลชนล้ม รบ.

“รัชฏากรณ์” แฉแผนใต้ดิน เสื้อแดงปลุกระดมมวลชนโค่นล้มอำมาตย์-ศักดินา กระชากหน้ากาก ส.ส.อีสาน ตีสองหน้า ทวงถามความสมานฉันท์ในสภา แต่ร่อนแจกใบปลิวเป่าหูประชาชนปลุกผีคอมมิวนิสต์หวังหาแนวร่วมต้านรัฐ เตรียมส่งหลักฐานถึง “สุเทพ” หาทางป้องกันด่วน

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.สัดส่วน และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนในฐานะ ส.ส.สมัยแรก รู้สึกว่าสภาในสมัยนี้เป็นสภาที่มีสาระน้อยที่สุดในการประชุมแต่ละครั้ง เพราะจะเห็นว่ามีการตีรวน ก่อกวนกันตลอด นอกจากนั้นยังมีการเคลื่อนไหวนอกสภาที่มีทั้งในเมืองและในชนบท ที่ผ่านมาตนเคยแถลงไปว่ามีความพยายามไปฝึกและรวบรวมผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โดยฝึกการ์ดให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมีคนออกมาคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูด พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งตนเห็นว่าคนเหล่านี้ถ้าเคยทำงานการเมืองมาจะรู้ว่างานเปิดเผยและไม่เปิดเผยบางทีใช้คนละกลุ่มกัน เพราะฉะนั้นอย่าไปรับประกันใคร ซึ่งตนเดินสายไปทั่วประเทศ

“ล่าสุดได้รับใบปลิวมาจำนวน 2 แผ่นที่มีการแจกใน จ.มหาสารคาม โดยได้จากบ้าน ส.ส.คนหนึ่งซึ่งใบปลิวลงชื่อ จากคนเสื้อแดงใต้ดิน โดยมีเนื้อหาระบุว่า คนกลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้ไปแจก รวมทั้งมีการส่งคนตามคุ้มต่างๆ ไปใน จ.มหาสารคาม ถามว่าบ้านหลังใดเป็นคนเสื้อแดง หลังใดเป็นคนเสื้อเหลือง แล้วแจกใบปลิวดังกล่าว ซึ่งยืนยันได้ว่าการที่จะทำร้ายประเทศไทยทำได้ทุกด้าน เพราะในใบปลิวมีเนื้อหาว่ากองทัพได้สารภาพว่าเขาเป็นผู้เลือกให้ใครเป็นรัฐบาล รวมทั้งพูดถึงชนชั้นสูง และอำมาตย์ด้วย โดยบอกว่าคนกลุ่มเหล่านี้อยู่ด้วยความกลัว แต่คนเสื้อแดงกลับกำลังเริ่มต้นด้วยวันแห่งความหวัง และรณรงค์เรียกร้องชี้นำว่าต้องลงสู้ใต้ดิน เพราะการสู้ใต้ดินคือวิธีการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่กำลังจะเริ่มขึ้น” นางรัชฎาภรณ์ กล่าว

นางรัชฎาภรณ์ กล่าวต่อว่า มีการบอกว่าสู้ใต้ดินหมายถึงมีการปิดลับไม่ให้ใครรู้ว่าเสื้อแดงคนไหนลงมือทำ โดยจะใช้ยุทธวิธีจู่โจมฉับพลัน มีอุปกรณ์จู่โจมรุนแรงรวดเร็ว ใช้คนน้อยแต่มีพลัง สู้ใต้ดินคือวิธีการจัดการอำมาตและสมุนให้สิ้นจากโลกมนุษย์ ได้ผลแน่นอนพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก การสู้ใต้ดินคือวิธีที่จะประกันชัยชนะ ไม่ร้องขอ ไม่เจรจากันอีกต่อไป และวิธีการเคลื่อนไหวแบบนี้คือการเคลื่อนไหวในชนบท ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าตัวเองไม่ได้ปลุกระดม เพราะอาจะแบ่งานกันทำก็ได้ เพราะขอบอกเลยว่าใครจะสู้แบบสันติตี 2 หน้าก็สู้ไป จะสู้แบบใต้ดินก็สู้ไป ทั้งในชนบท ป่าเขา และในเมือง ใครจะสู้ทั้งเปิดเผยและใต้ดินก็ได้ สู้แบบเสรีไทยสู้กับญี่ปุ่น มันเผลอก็ลงมือ

นางรัชฎาภรณ์กล่าวา ที่ตนมาเปิดเผยเพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่เคยพูดไว้ว่ามีการฝึกปฏิบัติการ ซึ่งหากเรียกแบบการปฏิวัติ คือ การจรยุทธ์ในเมือง ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการชี้นำและปลุกระดม ว่า “พวกมันฆ่าเพื่อนเรา มันปล้นประชาธิปไตย” “พวกมันคือโจรปล้นประชาชน” ซึ่งเป็นคำพูดที่ซ้ำซากและพยายามปลุกระดมให้มองเห็นว่าคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามไม่ดี ซึ่งทางเสื้อแดงสรุปว่าคนเสื้อแดงจะไม่ยอมให้กองทัพเอาปืนมาไล่ยิงประชาชนเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประกอบกับใบปลิวอีก 1 ใบที่อ้างว่าเป็นนักข่าวเขียนบทความ โดยพยายามบอกว่าข่าวที่ออกมาในช่วงเดือน เม.ย.เป็นข่าวไม่จริง มีคนตายมากมาย และพยายามที่จะโทษกล่าวร้ายรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง แต่ถ้าใครได้อ่านบทความก็จะทราบว่าบางข้อความเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ตนอยากเรียนว่าผู้ที่จะนำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องเข้าใจหลักประชาธิปไตย การสู้แบบนี้จึงไม่เรียกว่าประชาธิปไตย คนขับรถหรือใครต่อใครที่เคยไปทำงานในบ้านอำมาต ศักดินา หรือรู้จักบ้านของพวกมัน โปรดช่วยกันทำบัญชีหนังหมาส่งกระจายให้คนเสื้อแดงรู้ทั่วกัน

“ดิฉันอยากถามว่าจะไปคุกคามเขาใช่หรือไม่ อย่างนี้หรือที่เรียกว่าประชาธิปไตย และผู้นำของคนเหล่านี้ก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่บอกว่าถ้ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่พวกเรา ขณะที่ฉากหน้าเรียกร้องความสมานฉันท์ และความไม่เป็น 2 มาตรฐาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีใดก็สามารถสมานฉันท์กันได้ แต่ถ้าเป็นผู้นำก็ต้องแยกแยะ ขณะที่มีคดีแต่ก็ไม่ไปมอบตัว แล้วยังทำสิ่งที่ทำลายประเทศไทยตลอดเวลาก็ต้องถามว่าเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้มีข้อเรียกร้องทั้งในสภา และคณะกรรมการสมานฉันท์ว่าขอให้ทหารอย่าลงไปชี้แจงข้อมูลต่างๆ กับประชาชน ตนก็ต้องถามกลับไปว่าแล้วคุณหยุดหรือไม่ที่จะเอาซีดีหรือเอาข้อความทั้งหลายไปพูดกับประชาชนในเรื่องเดียวกัน กล่าวหาว่าทหารทำร้ายประชาชน แต่กลับไม่ให้ทหารออกไปชี้แจง อย่างนี้ถือว่า 2 มาตรฐานชัดเจน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ประชชนที่อยู่ในชนบทหรือที่ใดก็ตามช่วยกันสอดส่องดูแล” นางรัชฏาภรณ์

นางรัชฎาภรณ์กล่าวว่า ตนได้ทำจดหมายรายงานข้อมูลนี้ให้กับนายสุเทพ ได้ทราบแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำใบปลิวออกมาอย่างนี้ถือว่ามีผลต่อมวลชน ที่เลือกที่จะรอฟังการชี้นำ ขณะเดียวกันมีการส่งคนไปฝึกปฏิบัติการบางอย่าง ซึ่งถ้าไม่มองโลกในแง่ร้ายเกินไปคือ ส่งเข้ามาปฏิบัติการในเมือง เพราะทราบข่าวว่ามีการส่งเข้ามาในเมืองบ้างแล้ว ซึ่งมีรายงานข่าวว่าเป็นการฝึกแบบทหารบ้านสมัยพรรคคอมมิวนิสต์ ฝึกทุกอย่างทั้งวิถีชีวิตและการต่อสู้ ซึ่งฝึกที่ไหนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าฝึกมากี่รุ่นแล้ง แต่รุ่นหนึ่งจะมี 10 คน และฝึกมากกว่า 1 จังหวัด โดยเป็นการฝึกแบบลับๆ และเป็นกลุ่มเล็ก เพราะหากไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนก็จะไม่ทราบความเคลื่อนไหว