“นช.แม้ว” ร่อนแถลงการณ์ฉบับ 3 ผ่านคณะทำงาน “นพเหล่” โต้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อ้างสะเทือนใจอย่างมากถูกกล่าวหารุนแรง ขัดความเป็นจริง ลั่นจงรักภักดี “ในหลวง-ราชินี” ตลอดเวลา ปฏิเสธไม่เคยให้สัมภาษณ์จาบจ้าง ร่ำร้องหาปรองดอง ยันจะสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์จนถึงที่สุด
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ผ่านคณะทำงานของนายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า ตามที่มีข่าวในสื่อมวลชนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อสรุปจากการที่ตนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศในระหว่างวันที่ 12-13 เมษายนที่ผ่านมาว่า กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และจะดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ตนทราบเรื่องนี้ด้วยความสะเทือนใจยิ่ง เนื่องจากข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและขัดต่อความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แม้ตนจะต้องพำนักอยู่ในต่างประเทศก็ตาม ตนเป็นคนไทยคนหนึ่งที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน การให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่อ้างถึงนั้นไม่มีข้อความใดเลยที่มีเจตนาจะหมิ่นหรือจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เทิดทูนและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคน ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและแห่งใดในโลก
ขอกราบเรียนว่า ในอดีตมีการพยายามใส่ร้ายป้ายสีและดำเนินคดีกับตนในทำนองนี้หลายคดี แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกคดีที่ตำรวจเสนอสำนวนขึ้นไป ขอย้ำอีกครั้งว่าตนประสงค์ที่จะเห็นความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นถ้าปราศจากความเป็นธรรมในสังคม ดังนั้นจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นการทำลายล้างกันทางการเมืองในสังคมไทย โดยการยัดเยียด ข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริงและเจตนาของผู้ที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ และน่าเสียดายว่าแนวโน้มนี้จะดำรงอยู่ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ตนจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์จนถึงที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ จะไม่ยอมให้ผู้ใดไม่ว่าจะดำเนินการเองหรือมีใครบงการให้กระทำมากล่าวหาอย่างเป็นเท็จว่าตนมีเจตนาหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนเหนือหัว และความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์จะยังคงอยู่ในหัวใจของตนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้ตัวจะพำนักอยู่หนใดในโลกก็ตาม