โฆษกส่วนตัวนายกฯ อัด “ไอ้ตู่” บิดเบือนกล่าวหานายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถ แค่หวังปลุกระดมมวลชน เตรียมหาหลักฐานภาพบันทึกเหตุการณ์งัดพวกแหล ตอก “ป๋าเหนาะ” ไม่รับฟังความเห็นประชาชนแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ
วันนี้ (8 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณ๊นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กรณีกล่าวหาว่ารัฐบาลทำการจัดฉากการรุมทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนยังเชื่อว่าเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงของนายจตุพร และกลุ่มเสื้อแดง เพื่อเป็นการสร้างเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้งในวันที่ 10 พ.ค. ที่ชุมชนวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง
อีกทั้งข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลทำการจัดฉาก รวมถึงมีทหารทำการสวมรอยใส่เสื้อสีแดงนั้น ตนยังขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดฉาก ซึ่งสื่อมวลชน และประชานที่รับทราบข่าวสาร น่าจะเป็นพยานได้อย่างดี โดยตนได้มอบหมายให้ฝ่ายข้อมูล ทำการรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ในวันนั้น เพื่อนำมายืนยันหักล้างข้อกล่าวหาของนายจตุพร และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าใครกันแน่พยายามบิดเบือนประเด็นความจริง แต่เรื่องทหารสวมรอยหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ต้องเป็นหน้าที่การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะหาความจริงต่อไป
“ผมคิดว่า นายสุพร อัตถาวงศ์ ที่เป็นแกนนำในการนำคนเสื้อแดงไปที่กระทรวงมหาดไทย น่าจะเป็นผู้รู้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้แกนนำเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ได้แสดงอาการดีใจ ชื่นชม กับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารถอดเครื่องแบบและใส่เสื้อแดงร่วมชุมนุม ซึ่งแกนนำถือว่าเป็นชัยชนะในการดึงมวลชนมาร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง” นายเทพไทกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมในวันที่ 10 พ.ค.นี้จะมีการจุดชนวนความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการจุดชนวนความรุนแรงใดๆขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ต้องดูเนื้อหาในการชุมนุมดังกล่าวว่ามีการบิดเบือนสถานการณ์ มากน้อยเพียงใด ซึ่งถ้ามีพฤติกรรมนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาปลุกระดมเราคงต้องมีการดำเนินการต่อไป
นายเทพไท กล่าวถึงแนวคิดของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่ายังไม่ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ซึ่งตนมีความเป็นห่วงต่อนแนวคิดของนายเสนาะเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของนักการเมือง ส.ส.-ส.ว. หากไม่มีการรับฟังอย่างรอบด้านอาจเกิดปัญหาได้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 50 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้มีการทำประชามติ และมีประชาชน 14 ล้านเสียงที่แสดงความยอมรับ
“ผมไม่อยากให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว ทำการขีดเส้นกรอบการดำเนินการ ว่าจะต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 45 วัน เพราะจะเป็นการปิดประตูตีแมว ปิดกันข้อเสนอ และสร้างความกดดันของแต่ละฝ่ายที่จะเข้ามา”นายเทพไท กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภายในที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า การปฏิวัติคือต้นเหตุของปัญหาวิฤตทางการเมือง ตนมองว่าเป็นการพูดตัดตอนทางการเมืองของนายสมศักดิ์ เนื่องจากก่อนที่จะมีการปฏิวัติได้เกิดวิกฤตทางการเมือง อันเกิดมาจากความเข้มแข็งเกินไป มีการรวบรวมพรรคการเมืองและปฏิเสธการตรวจาสอบ แทรกแซงองค์กรอิสระ มีการทุจริตเชิงนโยบาย จนทำให้เกิดการปฏิวัติ ซึ่งระบุว่าการปฏิวัติคือต้นเหตุของปัญหานั้นเป็นการชี้แจวข้อมูลที่ไม่รอบด้านต่อประชาชน