ศาลปกครองสูงสุด ยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น สั่งเพิกถอนคำสั่ง “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” อดีตปลัดประทรวงมหาดไทย แต่งตั้งข้าราชการระดับ 8 ไม่ชอบด้วย ชี้ ไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง
วันนี้ (28 เม.ย.) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น เพิกถอนคำสั่ง แต่งตั้งข้าราชการระดับ 8 ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ในฐานะปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 7 สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ฟ้องปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงมหาดไทย (อ.ก.พ.) ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีออกหลักเกณฑ์สรรหา และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 8 ไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ต่อศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนที่ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ระบุว่า การที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย อ้างว่า ไม่ใช้วิธีเปิดรับสมัครบุคคลผู้มีสิทธิ์ ที่มีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์ เพราะการเปิดรับสมัครต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน ทำให้เกิดความล่าช้ามีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในภาพรวมนั้น เห็นว่า การออกหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกที่ปลัดกระทรวงดำเนินการนั้นไม่สอดคล้อง กับหลักเกณฑ์ที่ ก.พ.กำหนด และกระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศไว้ จริงอยู่แม้ ก.พ.จะให้อำนาจในการวางหลักเกณฑ์เพิ่มเติมได้ในเรื่องขององค์ประกอบที่ใช้ในการพิจารณา หรือแนวทางในการดำเนินการคัดเลือก แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานเดิมโดยชอบของกฎหมาย และต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ ก.พ.กำหนด โดยต้องดำเนินการให้ข้าราชการในสังกัดให้ทราบเป็นการล่วงหน้า ตามที่เห็นสมควร เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรม และพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลในภาครัฐ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ซึ่งการที่ปลัดกระทรวง อุทธรณ์ว่า ที่มิได้ดำเนินการแจ้งให้ข้าราชการในสังกัดทราบเป็นการล่วงหน้า ก็เพราะได้กำหนดองค์ประกอบและแนวทางในการคัดเลือกที่ไม่ต้องให้ผู้มีสิทธิมาสอบหรือสัมภาษณ์แต่อย่างใดศาลฯ เห็นว่า หลักเกณฑ์การสรรหาที่ ก.พ.กำหนดเพื่อให้แต่งตั้งข้าราชการระดับสูงมีความโปร่งใส การบริหารงานบุคคลเป็นไปตามระบบคุณธรรม ซึ่งข้ออ้างของปลัดกระทรวง พฤติการณ์บ่งชี้ว่ามีความมุ่งหมายที่ไม่เหมาะสม เอื้อประโยชน์ข้าราชการ ในสังกัดเฉพาะกลุ่มในเชิงอุปถัมภ์ เป็นไปตามอำเภอใจไม่สอดคล้องกับคุณธรรมในทางบริหาร จึงเป็นการกล่าวอ้างเพื่อแสวงหาความชอบธรรม โดยไม่ได้อยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผล ทั้งๆ ที่ไม่มีอำนาจ และเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ที่วางไว้เอง คำอุทธรณ์ของปลัดกระทรวง และพวกจึงฟังไม่ขึ้น
อาศัยเหตุดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า คำสั่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่แต่งตั้งข้าราชการในสังกัดให้ดำรงตำแหน่งตามคำสั่งที่ 56/2547 ลงวันที่ 29 ม.ค.2547 คำสั่งที่ 228 และ 229/2547 ลงวันที่ 22 เม.ย.2547 ยกเว้นลำดับที่ 5, 12 และ 16 ที่เป็นผู้ผ่านการสรรหาและคัดเลือกอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แนวทาง ที่ปลัดกระทรวงกำหนดเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระสำคัญ และไม่ถูกต้องตามกฎหมายมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมติของประธาน อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย ที่ยกคำร้องทุกข์ของ นายแมนรัตน์ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งปลัดกระทรวง และมติประธาน อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งแต่งตั้งของ นายเสริมศักดิ์ ดังกล่าวเป็นการแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งระดับ 8 รวม 18 ราย เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งว่ามี 3 รายที่แต่งตั้งอย่างถูกต้องทำให้เหลือข้าราชการระดับ 8 ที่ได้รับการแต่งตั้งไม่ชอบรวม 15 คน แต่ในจำนวนดังกล่าวมี 3 รายที่ปัจจุบันนี้ลาออกและย้ายไปสังกัดหน่วยราชการอื่น ทำให้เหลือข้าราชการที่มีปัญหาที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดรวม 12 ราย
สำหรับนายเสริมศักดิ์ เป็นสามีของนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช อดีต ส.ว.ขอนแก่น โดยนายเสริมศักดิ์นับเป็นอดีตข้าราชการที่เข้าไปรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างใกล้ชิด และได้ลาออกจากปลัดกระทรวงมหาดไทยก่อนเกษียณ์อายุราชการ เพื่อไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จนปัจจุบันนายเสริมศักดิ์ยังทำงานให้กับพรรคเพื่อไทย โดยมี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลูกชาย เป็น ส.ส.ขอนแก่น สังกัดพรรคเพื่อไทยด้วย