xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของตัวจริงแฉ “ไข่แม้ว” จิ๊กภาพ แถมบิดเบือนป้ายสีทหารยิงม็อบแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โชว์ภาพที่ขโมยมา แล้วนำมาอภิปรายในสภาบิดเบือนว่าเป็นภาพทหารยิงม็อบเสื้อแดง
“สุรพงษ์” โดนจับโกหกอีกดอก อ้างทหารยิงม็อบเสื้อแดงจากสะพานลอยยมราช พร้อมโชว์ภาพในสภา เจ้าของภาพตัวจริงทนพฤติกรรมบิดเบือนไม่ไหว หวั่นความแตกแยกบานปลาย ทำหนังสือถึงนายกฯ แจงเหตุการณ์จริง ทหารแค่เตรียมพร้อม หลังม็อบเสื้อแดงเตรียมขับรถดับเพลิงขึ้นสะพาน จวกซ้ำ “ส.ส.เพื่อแม้ว” ขโมยภาพ ไร้มารยาท จี้รับผิดชอบ

ในการเปิดประชุมร่วมกันของสองสภา เมื่อวันที่ 23-24 เม.ย.เพื่อหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบของประเทศ ภายหลังการก่อจลาจลของม็อบเสื้อแดงช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แม้ว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมายืนยัน โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี คือนายใหญ่ของตัวเอง ได้อภิปรายตอนหนึ่งว่า “ทหารถือปืนสั้น ลูก 11 มม. ขนาดเดียวกับ 9 มม. ขึ้นลำไว้เรียบร้อย กะยิงได้ และนี่ถ่ายลงบนสะพานมิชชั่น” และมีการโยงไปถึงข้ออ้างที่ว่ามีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนพกสั้นขนาด 9 มิลลิเมตร และพูดเหน็บแนมต่อว่า “ไหนโฆษกรัฐบาลบอกกล่าวว่าทหารนั้นมีแต่ปืนเอ็ม 16” โดยนายสุรพงษ์ได้นำภาพทหารชักปืนพกสั้นประทับพร้อมยิง ที่สะพานข้ามแยกยมราช ก่อนสนามม้านางเลิ้ง มาประกอบการอภิปรายด้วย

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ถ่ายไว้และโพสต์ไว้ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งนายสุรพงษ์นำไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของภาพ ทำให้ ล่าสุด เจ้าของภาพตัวจริงได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาพดังกล่าว โดยระบุว่า ภาพดังกล่าวถูกขโมยไปเพื่อนำไปบิดเบือนหาประโยชน์ทางการเมือง

“กระผมในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนบันทึกภาพนั้น รู้สึกเสียใจที่เจตนารมณ์การถ่ายภาพของข้าพเจ้า ถูกนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิของการนำรูปไปใช้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (2)(3) โดยมิบอกกล่าวแก่เจ้าของผลงาน และรูปของข้าพเจ้ายังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำร้ายประเทศชาติอีกด้วยจากการเผยแพร่ข้อเท็จจริงออกไปไม่หมด โดยมิได้ยกคำกล่าวอธิบายข้อความประกอบภาพที่ข้าพเจ้าเขียนอธิบายประกอบภาพไปพูดแต่อย่างใด แสดงเจตนาถึงการนำรูปข้าพเจ้าไปใช้ที่ต้องการหาประโยชน์ ในทางที่มิชอบ (แต่ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าทางรัฐสภามีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่)” เจ้าของภาพตัวจริงระบุในหนังสือที่ส่งถึงนายกฯ

“ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายดังกล่าว กระผมรู้สึกว่า ข้าพเจ้าควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่รูปของข้าพเจ้าได้ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และอาจจุดเป็นชนวนความขัดแย้งได้ กระผมจึงรู้สึกผิด และคิดว่าข้าพเจ้าควรที่จะต้องทำบางสิ่งเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของคนถ่ายภาพ และแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นโดยการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ณ เวลานั้นๆ รวมถึงอธิบายว่าเหตุการณ์ในภาพเป็นเช่นไร

“จริงอยู่ดังคำกล่าวที่ว่าภาพหนึ่งภาพสามารถ บอกเล่าเรื่องราวได้เป็นร้อยเรื่องราว โดยขึ้นอยู่กับจิตนาการความเข้าใจของผู้รับสาร และการเลือกตีความของผู้รับสาร และการเลือกที่จะเชื่อตามอคติของตนเอง ทั้งนี้ภาพนั้นก็ยังไม่สามารถบอกเล่าความจริงได้ดีพอ หากไม่มีคำอธิบายภาพจากผู้ส่งสาร แต่หากข้อความอธิบายประกอบภาพนั้นถูกนำไปใช้พูดเพื่อแสดงเจตนาที่ผิดไป โดยมีเหตุผลเพื่อนัยยะทางการเมือง และการสร้างความเชื่อที่ผิดๆเพื่อกล่าวโจมตีรัฐบาล คนที่ดูและรับสารโดยเฉพาะการที่มีการอภิปรายถ่ายทอดไปทั่วประเทศ ก็จะเกิดความเข้าใจที่ผิด และเชื่อลงไปแล้ว ก็จะเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงซึ่งไม่สามารถประเมินได้

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขออธิบายเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งส่งภาพต้นฉบับแนบมาเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของภาพ โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถ่ายตรงสะพานข้ามแยกยมราช หรือโรงพยาบาลมิชชั่นจริง บันทึกเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2552 เวลา 18.42 น.”

เหตุการณ์มีดังนี้

ภาพทหารที่ชักปืนสั้น เป็นปืนสั้น ป.พ.๘๖ ขนาด .45 นิ้วหรือ 11 มม. คนละขนาดกับ 9 มม. ใช้แทนกันไม่ได้ครับ ซึ่งปืนพกผมเชื่อว่าเป็นอาวุธประจำกายทหารในระดับชั้นสัญญาบัตรขึ้นไปอยู่แล้ว เหตุการณ์ตามรูปที่แท้จริงวันนั้น คือ เป็นการเตรียมพร้อมของทหาร เพื่อเตรียมป้องกันตัว จากที่กลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเวลาดังกล่าว ได้มีการขับรถดับเพลิงขับเข้ามาจากสนามม้านางเลิ้ง โดยทหารเชื่อว่าอาจจะมีการขับเข้ามาพุ่งชน หรือบุกขึ้นมาประชิด ทหารจึงได้มีคำสั่งให้เตรียมพร้อม พร้อมใช้อาวุธ ทหารจะมี ผบ.กองร้อยคอยสั่งกำชับตลอดเวลา ว่าห้ามยิงใส่ผู้ชุมนุมถ้าไม่จำเป็น และคอยให้ยกปืนขึ้นฟ้าไว้ตลอด ซึ่งผลปรากฏจากเหตุการณ์ กลุ่มผู้ชุมนุมมิได้ขับรถดับเพลิงขึ้นมาบนสะพานแต่อย่างใด แต่ขับเพื่อมาจอดปิดแยกยมราช ทหารจึงทำการลดปืนลง และมิได้ใช้อาวุธแต่อย่างใด และนายทหารคนที่ถืออาวุธปืนสั้นดังกล่าวก็มิได้นำนิ้วเข้าโกร่งไกซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้อาวุธ

ข้าพเจ้าในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ สามารถกล่าวได้ว่าสำหรับในเหตุการณ์ช่วงเวลา 18.00-18.42 ในทหารหน่วยที่อยู่บนสะพานมิชชั่น มีการยิงกระสุนแค่ 1 นัดเท่านั้น จาก M16 คือยิงขู่รถจักรยานยนต์ที่ดูคล้ายจะมีเจตนาขึ้นมายังสะพานดังกล่าว ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้ส่งหลักฐานเพื่อยืนยันตามนี้มาด้วย

สรุป

1.ข้าพเจ้าขอแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานภาพถ่ายของข้าพเจ้า ที่ถูกนำไปใช้เครื่องมือทางการเมือง อันจะสร้างความร้าวฉานในชาติ มากกว่าความสมานฉันท์เพื่อความปรองดองกัน ด้วยการชี้แจงอธิบายถึงข้อเท็จจริง และยืนยันตามสิทธิในฐานะที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานพึงมี

2.เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ตามความเป็นจริงที่ได้พบเห็นของข้าพเจ้า โดยมิให้สังคมเข้าใจผิด

3.เพื่อเป็นบรรทัดฐานของวงการถ่ายรูป ในการละเมิดผลงาน นำภาพไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ตามมารยาทแล้ว การจะนำรูปไปใช้ต้องทำการขออนุญาต หรือบอกกล่าวเจ้าของผลงานก่อน ซึ่งเจ้าของผลงานมีสิทธิจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้ อีกทั้งก็ไม่มีการติดต่อขอนำรูปไปใช้ ซึ่งที่รูปของข้าพเจ้าก็มีการสกรีนโลโก้ผลงาน ซึ่งสามารถแจ้งติดต่อกลับได้

4.การส่งจดหมายครั้งนี้เพื่อแสดงจุดยืนของข้าพเจ้า ที่ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งไปมากกว่านี้ ภาพดังกล่าวไม่สมควรที่จะถูกนำมาใช้ทางการเมือง การที่จะนำภาพหลักฐานมาใช้ สำหรับเจตคติข้าพเจ้าต้องสมควรที่จะเป็นภาพบอกเล่าความจริง มิใช่การสร้างความขัดแย้งทางการเมือง และทางสังคม


เจ้าของภาพถ่ายดังกล่าว เปิดเผยกับ “ASTV ผู้จัดการออนไลน์” เพิ่มเติม ถึงสาเหตุที่ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่า รู้สึกไม่พอใจต่อพฤติกรรมของนายสุรพงษ์ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีมารยาท นำภาพซึ่งตนโพสต์เอาไว้ในเว็บไซต์ส่วนตัว http://semakutek.multiply.comไปใช้เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง ทั้งที่การอภิปรายในสภาในวันนั้น เป็นการหารือเพื่อหาทางแก้ปัญหา แต่พฤติกรรมของนายสุรพงษ์กลับบิดเบือน เต้าภาพ พูดทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ยิ่งจะทำให้เหตุการณ์ไม่จบ ซึ่งจากภาพดังกล่าวทหารไม่ได้ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมแต่เพียงเตรียมพร้อม ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นช่างภาพก็เห็นเหมือนกันว่าทหารยิงปืนขู่แค่นัดเดียว และเป็นปืนเอ็ม 16 ไม่ใช่ 11 ม.ม. การทำแบบนี้มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเห็นว่านายสุรพงษ์ควรรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเขาด้วย

อนึ่ง นอกจากภาพดังกล่าวจะโพสต์ในเว็บส่วนตัวแล้ว ผู้ถ่ายภาพยังได้โพสต์ไว้ในห้อง “กล้อง” ของเว็บไซต์พันทิปด้วย ที่กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O7744664/O7744664.html

ภาพถ่ายต้นฉบับ ที่ทหารเตรียมพร้อม
แต่นิ้วไม่ได้สอดเข้าไปเหนี่ยวไกปืนตามที่ถูกกล่าวหา
กำลังโหลดความคิดเห็น