คณะกรรมการรณรงค์สิทธิมนุษยชนฯ ชี้ ผบ.ตร.และ“สุเทพ”ลาออก เหตุคุ้มกันการประชุมสำคัญไม่ได้ เชื่อ ม็อบเสื้อแดงรุกหนัก อาจบานปลายเป็นสงครามประชาชน จับตายึดศาลากลางแสดงสัญลักษณ์รัฐสูญเสียอำนาจ หวั่นทหารฉวยโอกาสปฏิวัติช่วงสงกรานต์ เผย“แม้ว”วาง 3 ยุทธศาสตร์ ลงท้านอาจรัฐประหารย้อนทุกอย่างกลับไปก่อน 19 ก.ย.49
จากสถานการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช.ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้จัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลโดยปิดการจราจรในกรุงเทพฯ และบุกยึดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จนต้องมีการยกเลิกประชุมอาเซียนซัมมิตนั้น นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.) ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า รัฐบาลน่าจะหละหลวมในการจัดการประชุมครั้งนี้ จนปล่อยให้ผู้ชุมนุมบุกเข้าไปด้านในได้โดยง่าย อาจจะมาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ อย่างน้อย 2 คนควรต้องลาออก คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เหตุผลก็คือ มีหน้าที่ดูแลการประชุมนานาชาติ แต่ไม่มีแผนการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม จนเกิดการยกเลิกการประชุมที่สำคัญของอาเซียน จนเลขาธิการยูเอ็นออกมาแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในเมืองไทย
“เราไม่เชื่อว่าเป็นแผนขุดบ่อล่อปลา เพราะความเสียหายมากเกินไปถึงขั้นยกเลิกการประชุมที่สำคัญ และไม่เชื่อว่าหลังจากนี้รัฐจะใช้มาตรการเด็ดขาด เพราะแท้จริงแล้วรัฐบาลคุมตำรวจไม่ได้ จนการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้มีความประมาท หละหลวมอย่างน่าสงสัย เพราะรัฐบาลสามารถใช้มาตรการตามลำดับขั้นตอนในทางสากลได้เพื่อไม่ได้ผู้ชุมนุมบุกเข้ามาถึงโรงแรมโดยไม่สร้างสถานการณ์ความรุนแรงหรือสลายการชุมนุม”
นายเมธาประเมินว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ นปช. อาจจะรุกหนักขึ้น ดังที่มีไปล้อมบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บ้านแม่ยายนายกฯ จนรู้สึกไม่ปลอดภัย หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาทางการเมืองนี้ในที่สุด ฝ่ายเสื้อเหลืองก็อาจจะออกมา ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามประชาชน ซึ่งเป็นส่วนที่องค์กรสิทธิมนุษยชนวิตกกังวลมากที่สุด
“เป็นไปได้ว่า สถานการณ์ในขณะนี้อาจบานปลายไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง หากรัฐบาลล้มเหลวและเกิดสงครามมวลชนประปรายจนอำนาจรัฐควบคุมไม่ได้ ซึ่งมีการประกาศจะยึดศาลากลางทุกจังหวัดเพื่อแสดงสัญญลักษณ์ “ยึดอำนาจรัฐ” ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสูญเสียอำนาจรัฐในที่สุด เราสนับสนุนให้รัฐบาลไม่ใช้มาตรการความรุนแรงแก้ไขสถานการณ์ แต่ต้องใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ข้อเสนอของเลขาธิการยูเอ็น เป็นสิ่งที่เราขอเรียกร้องทั้งรัฐบาล และ นปช. ให้เปิดการเจรจาทางการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหา ตามหลักการประชาธิปไตยและสันติวิธี จะต้องไม่ใช้วิธีการใช้กำลังและความรุนแรงต่อไป
“เพราะในขณะนี้นั้น เรากลัวว่า สถานการณ์ความรุนแรงจะเปิดทางให้มีการเคลื่อนกำลังทางทหารและเกิดการปฏิวัติในช่วงสงกรานต์ จากสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจ อาจจะเป็นแผนการล่อกองทัพออกมาควบคุมสถานการณ์แล้วเกิดการรัฐประหารซ้อน เพื่อคืนความชอบธรรมหลัง 19 กันยายน 2549”
นายเมธา กล่าวต่อว่า ในช่วงอาทิตย์นี้ มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ถ้าเดาแผนของอดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะมี 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1. ทำสงครามประชาชน สร้างความแตกแยก จลาจลและอลหม่าน 2.สร้างหน่วยจรยุทธ์ ก่อสถานการณ์ ทำให้รัฐบาลเสมือนสูญเสียอำนาจรัฐ และ 3.รัฐประหารซ้อน คืนความชอบธรรมหลัง 19 กันยายน 2549 กลับคืนมา เริ่มกันใหม่ ย้อนกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 และนิรโทษกรรมทุกฝ่าย