นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงภายในเขตจังหวัดชลบุรี-พัทยา พร้อมมอบหมายให้ “สุเทพ” กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกัน ระบุผู้นำทุกประเทศเข้าใจสถานการณ์ดีและเห็นด้วยที่จะเลื่อนการประชุมออกไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างร้ายแรง ในพื้นที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน พร้อมกับอาเซียนและคู่เจรจาที่เมืองพัทยา แต่ได้มีพี่น้องประชาชนกลุ่มหนึ่ง ได้มีการชุมนุมและมีความพยายามในการที่จะขัดขวางการประชุม รัฐบาลได้ใช้แนวทางความละมุนละม่อม อดทนอดกลั้น และได้พยายามที่จะใช้ทุกวิถีทาง ทั้งในแง่การเจรจา และไม่ให้ผู้ชุมนุมนั้นเข้ามาขัดขวางการประชุมของประเทศไทย ของอาเซียนและคู่เจรจาได้
นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยรัฐบาลในการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ได้เกิดการปะทะกันบางส่วนระหว่างประชาชนด้วยกันเอง และได้มีความพยายามทุกวิถีทางในการขัดขวางเส้นทางการสัญจร การคมนาคมในเมืองพัทยา และล่าสุดมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งบุกรุกเข้ามาในสถานที่การประชุม รัฐบาลจึงได้ตัดสินใจที่จะเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและอาเซียนกับคู่เจรจาออกไป โดยตนได้มีโอกาสประชุมร่วมกับผู้นำอาเซียนชาติอื่นๆ และได้แจ้งผลการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งประเทศอาเซียนนั้นมีความเข้าใจดีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเทศคู่เจรจาว่า ได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลพยายามจัดการประชุมครั้งนี้ แต่ก็สนับสนุนการตัดสินใจในการที่จะมีการเลื่อนการประชุมออกไป
“ดังนั้น ภารกิจของผมและรัฐบาลขณะนี้ก็คือการดูแลความปลอดภัยของผู้นำในการเดินทางกลับ และในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้กลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วที่สุด ในการนี้ ผมจึงใช้อำนาจในการประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรง ในพื้นที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี” และได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายดังกล่าว มอบให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้กำกับการในการปฏิบัติหน้าที่ตามสถานการณ์ฉุกเฉินที่ได้ประกาศไปแล้ว
ผมจึงอยากขอเรียนมาให้พี่น้องประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน และขอยืนยันอีกครั้งครับว่า การตัดสินใจของผมและรัฐบาลจะอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สูงสุดของประเทศ และจะดำเนินการให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด ขอบพระคุณครับ"
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี โดยตั้งแต่วานนี้ (10 เม.ย.) ม็อบเสื้อแดง ได้มีความพยายามจะเข้าขัดขวางการประชุมมาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อเที่ยงวันนี้ ม็อบเสื้อแดงได้บุกเข้าไปภายในโรงแรมเพื่อขัดขวางการประชุมอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.00น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล ได้แถลงอีกครั้งถึงรายละเอียดของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี
โดยที่ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำที่มีความรุนแรง นำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทั้งจะไม่ส่งผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ อันเป็นการกระทำที่จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย และกระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็ว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และ มาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของคน ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน พุทธศักราช 2552
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างร้ายแรง ในพื้นที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน พร้อมกับอาเซียนและคู่เจรจาที่เมืองพัทยา แต่ได้มีพี่น้องประชาชนกลุ่มหนึ่ง ได้มีการชุมนุมและมีความพยายามในการที่จะขัดขวางการประชุม รัฐบาลได้ใช้แนวทางความละมุนละม่อม อดทนอดกลั้น และได้พยายามที่จะใช้ทุกวิถีทาง ทั้งในแง่การเจรจา และไม่ให้ผู้ชุมนุมนั้นเข้ามาขัดขวางการประชุมของประเทศไทย ของอาเซียนและคู่เจรจาได้
นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยรัฐบาลในการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ได้เกิดการปะทะกันบางส่วนระหว่างประชาชนด้วยกันเอง และได้มีความพยายามทุกวิถีทางในการขัดขวางเส้นทางการสัญจร การคมนาคมในเมืองพัทยา และล่าสุดมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งบุกรุกเข้ามาในสถานที่การประชุม รัฐบาลจึงได้ตัดสินใจที่จะเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและอาเซียนกับคู่เจรจาออกไป โดยตนได้มีโอกาสประชุมร่วมกับผู้นำอาเซียนชาติอื่นๆ และได้แจ้งผลการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งประเทศอาเซียนนั้นมีความเข้าใจดีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเทศคู่เจรจาว่า ได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลพยายามจัดการประชุมครั้งนี้ แต่ก็สนับสนุนการตัดสินใจในการที่จะมีการเลื่อนการประชุมออกไป
“ดังนั้น ภารกิจของผมและรัฐบาลขณะนี้ก็คือการดูแลความปลอดภัยของผู้นำในการเดินทางกลับ และในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้กลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วที่สุด ในการนี้ ผมจึงใช้อำนาจในการประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรง ในพื้นที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี” และได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายดังกล่าว มอบให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้กำกับการในการปฏิบัติหน้าที่ตามสถานการณ์ฉุกเฉินที่ได้ประกาศไปแล้ว
ผมจึงอยากขอเรียนมาให้พี่น้องประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน และขอยืนยันอีกครั้งครับว่า การตัดสินใจของผมและรัฐบาลจะอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สูงสุดของประเทศ และจะดำเนินการให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด ขอบพระคุณครับ"
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี โดยตั้งแต่วานนี้ (10 เม.ย.) ม็อบเสื้อแดง ได้มีความพยายามจะเข้าขัดขวางการประชุมมาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อเที่ยงวันนี้ ม็อบเสื้อแดงได้บุกเข้าไปภายในโรงแรมเพื่อขัดขวางการประชุมอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.00น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาล ได้แถลงอีกครั้งถึงรายละเอียดของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี
โดยที่ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำที่มีความรุนแรง นำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทั้งจะไม่ส่งผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ อันเป็นการกระทำที่จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย และกระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็ว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และ มาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของคน ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 11 เมษายน พุทธศักราช 2552
