“ชวรัตน์” โต้แทนนายกฯ ไม่ได้หนีเสื้อแดง ชี้ กรณีโดนทุบรถเป็นเรื่องเข้าใจผิด หลังรถไปเกี่ยวเสื้อแดง ยันไม่ทราบตัวเลข “นปช.” เข้าร่วมชุมนุม เหตุไม่ใช่คนจัดม็อบ ปัดเรียกประชุมผู้ว่าฯวันนี้ ไม่เกี่ยวสั่งการสกัดม็อบก่อนวันดีเดย์พรุ่งนี้
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดการจัดพิธีปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณถวายความจงรักภักดี โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งมีการเชิญข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย นายวิชัย ศรีขวัญ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยร่วมร้อยคน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดพิธีปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณถวายความจงรักภักดีครั้งนี้เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการนัดชุมนุมใหญ่กลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 เมษายนนี้
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงว่า เป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ซึ่งนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นคนเรียกประชุม ตนไม่ได้สั่งการอะไร เพียงแต่บังเอิญเท่านั้นเองว่าพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) มีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพราะว่าเรื่องการนัดประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดมีการนัดไว้นานแล้ว
เมื่อถามว่ามีการป้องกันเหตุความรุนแรงอย่างไรบ้าง ขนาดนายกรัฐมนตรียังต้องหนีกลุ่มเสื้อแดง นายชวรัตน์ กล่าวว่า น้อยๆหน่อย นายกรัฐมนตรีไม่ได้หนี ท่านก็มาประชุม ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีโดนทุบรถนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิด ตนได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดว่า รถนายกรัฐมนตรีไปเกี่ยวโดนคนเสื้อแดง จึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าโดนกลั่นแกล้ง จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
เมื่อถามว่ามีการกำชับผู้ว่าฯหรือไม่เพราะขณะนี้ก็มีม็อบเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดด้วย นายชวรัตน์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯก็ดูแลอยู่ ทุกอย่างทำตามระบอบประชาธิปไตย อยู่ในกรอบของกฎหมาย เมื่อถามว่าการที่เรียกผู้ว่าฯเข้ามาประชุมก่อนวันดีเดย์ของกลุ่มเสื้อแดงไม่เกรงว่าจะควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ไม่ได้หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ที่จังหวัดก็มีรองผู้ว่าฯดูแลอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องประเมินตัวเลขของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่จะเดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมชุมนุมนั้นตนไม่สามารถประเมินได้เนื่องจากไม่ใช่คนสั่งให้เข้ามา ทั้งนี้ตนไม่มีความวิตกกังวลในเรื่องการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) แต่มีความเป็นห่วง
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าว ว่า ตนมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ รู้ว่า ปัญหาการชุมนุม ถ้ายืดเยื้อไป ประเทศชาติก็จะเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนรับผลการชุมนุมมากที่สุด คือคนจน ดังนั้น ตนจึงมั่นใจว่า การชุมนุมไม่มีอะไรน่าวิตก หรือน่ารุนแรงแต่อย่างใด โดยเฉพาะในซีกรัฐบาล มหาดไทย ตำรวจ ยืนยันว่า ไม่มีการใช้ความรุนแรง จะทำอะไรก็อยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด
เมื่อถามว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการส่งตัวเลขกลุ่มผู้ชุมนุมมายังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ทางผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ทำงานอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรายึดหลักสมานฉันท์ ผู้ว่าฯ ใช้วิธีพูดคุยกับพี่น้องประชาชนให้เกิดความเข้าใจ ว่า ผลของความวุ่นวายบ้านเมือง หรือการชุมนุมต่างๆ จะเกิดผลกระทบต่อประเทศ และเกิดผลเสียหายต่อคนจน ดังนั้น ตัวเลขที่ผู้ว่าฯ รายงานมา ก็ไม่น่าวิตกอะไร และไม่ถึงหลักแสน
เมื่อถามว่า ทางแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาระบุว่า มีการคุกคามแกนนำ นายบุญจงกล่าวว่า คงจะเป็นการวิตกจริตมากกว่า ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลก็ประกาศยืนยันว่า การชุมนุมเป็นเสรีภาพ ถ้าไม่มีอะไรฝ่าฝืนกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนที่นายณัฐวุฒินำเรื่องนี้ไปพูดบนเวทีนั้น การปราศรัยก็เป็นการพูดของแต่ละฝ่ายไป แต่ต้องขอยืนยันถึงประชาชนว่า รัฐบาลนี้จะยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ จะไม่ทำร้ายประชาชน ไม่ทำให้การชุมนุมวุ่นวาย และอยากเรียกร้องไปยังประชาชนทั่วประเทศไทยว่า บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ สามัคคี ถ้าต้องการเห็นบ้านเมืองสู่ความสงบเรียบร้อย ก็ขอให้ทุกคนอยู่บ้าน ไม่ต้องเดินทางมาชุมนุมให้เกิดความวุ่นวาย
เมื่อถามถึงข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ นายบุญจง กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ก็เห็นอยู่แล้วว่า การจะปฏิรูปการเมือง แนวทางหนึ่งคือการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนวิธีการแก้ เราจะต้องดูก่อน ว่า มีมาตราใดเป็นข้อจำกัดในการบริหารประเทศ หรือมาตราใดที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็จะแก้ ส่วนวิธีการนั้น เราจะทำประชาพิจารณ์ สอบถามความเห็นประชาชนก่อน พอได้ภาพรวมว่า ประชาชนจะเอาด้วยหรือไม่ ถ้าเอาด้วย ก็นำสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่การแก้ ต้องดูจังหวะด้วย เพราะขณะนี้ บ้านเมืองยังอยู่ในสถานะแตกแยกทางความคิดอยู่ ต้องหาข้อสรุปร่วมกัน เพราะผู้ชุมนุมอยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ทางออกทางหนึ่ง คือการแก้กติกา แก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ต้องรอให้ผู้ชุมนุมสลายตัวหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ก็อยู่ที่ความเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ ต้องมีการพูดคุยกันหลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ต้องมี ส.ส. ต้องมีองค์กรภาคประชาชนหลายภาคส่วนเห็นตรงกัน นักวิชาการก็ต้องมาคุยกัน
