“สนธิ” ยืนยัน”พันธมิตรฯ”จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อและออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน”เสื้อแดง”ในเวลานี้ ระบุเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวที่”สุริยะใส”จะให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์เพียงลำพัง ย้ำไม่เกี่ยวมติแกนนำ 5 พันธมิตรฯ จี้สำนึกรัฐบาลกองทัพ สตช.ให้ทำหน้าที่ปกป้องสถาบันเบื้องสูง อย่าชอบอ้างว่าจงรักภักดีด้วยปาก ยันจะไม่ยอมตกหลุมพราง “อนุพงษ์”ผู้เย็นชา ที่จงใจเกลียดชังพันธมิตรฯ อีกต่อไป เพียงเพื่อซื้อเวลากอดเก้าอี้ “ผบ.ทบ.” ตอบแทนคุณ“ประวิตร” หนุนส่ง “พัชรวาท”
วันนี้ (6 เม.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปฏิเสธคำให้สัมภาษณ์ของนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ที่ออกมาระบุวานนี้ (5 เม.ย.) ว่าแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน กำลังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการเช็กข่าวทุก 1 ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงอย่างมาก และหากกลุ่มเสื้อแดงสร้างสถานการณ์ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ทางพันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทันที เพราะถือว่าเป็นเงื่อนไขใหญ่ว่าเป็นคำพูดของนายสุริยะใสไม่เกี่ยวกับแกนนำพันธมิตรฯ
โดยนายสนธิกล่าวย้ำว่า คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ถือเป็นมติของแกนนำพันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่ออกไปเป็นเหยื่อกับเกมเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด เรื่องที่นายสุริยะใสออกมาให้สัมภาษณ์อาจพูดไปด้วยอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปที่นายสุริยะใสจะดำเนินการโดยพลการ หรืออาจจะพูดไปในนามคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ก็ไม่ทราบได้
“เป็นที่ทราบกันดีว่าเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้พ้นผิด ดังนั้น พันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะไม่ออกมาต่อสู้ด้วย และขอให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะนายสุทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลด้านความมั่นคง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกมาแสดงบทบาทบ้าง” นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ ยังได้ตั้งคำถามว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงออกมากล่าวพาดพิงองคมนตรี เพื่อกระทบถึงสถาบันเบื้องสูง ไม่ทราบว่าผู้ที่ชอบอ้างความจงรักภักดียังจะอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร ทั้งที่อำนาจอยู่ในมือ และขอยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แต่หากจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นมติของแกนนำและออกมานั่งแถลงข่าวร่วมกัน รวมทั้งในบ้านเมืองนี้ไม่มีใครจะกล้าหาญออกมาปกป้องสถาบันเบื้องสูงอีกแล้ว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การชุมนุม 193 วันที่ผ่านมาของพันธมิตรฯ เป็นการกระทำเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ รักษาความถูกต้อง และเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับไปมีจริยธรรม โปร่งใส ตามหลักนิติรัฐอย่างแท้จริง แต่ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ กลับถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด พี่น้องพันธมิตรฯ ต้องเสียชีวิต ล้มตาย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กลับแสดงทีท่าที่ชัดเจนว่าไม่ชอบพันธมิตรฯ ซ้ำยังแสดงความใจดำและเย็นชา ต่อคนที่ออกมาปกป้องสถาบันชาติ แล้วต้องมาเสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจัดตั้งรัฐบาลมาได้ ก็เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองใหม่ เพื่อรักษาสถานภาพ ผู้บัญชาการทหารบกของตัวเองเอาไว้ และให้ลูกพี่ของตัวเอง คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อที่จะได้ปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของตัวเองให้อยู่ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป ทั้งที่ พล.ต.อ.พัชรวาท คือหนึ่งในตัวปัญหา และเป็นผู้ที่เคยรับใช้ทั้งรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
“สาเหตุที่พันธมิตรฯ ยอมสลายการชุมนุมในครั้งที่ผ่านมานั้น ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งก็เป็นไปตามหัวข้อการต่อสู้ของพันธมิตรฯ แต่แรกแล้ว แต่มาถึงวันนี้ วันที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำแล้ว สังคมก็เริ่มมีความหวัง ว่าจะให้เข้ามาแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง รวมไปถึงเรามีทหารอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในอดีตก็เคยเป็น ผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ที่ย่อมเข้าใจว่า ภัยที่เกิดจากกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงภัยทางการเมือง แต่คือภัยร้ายที่ต้องการล้มล้างสถาบันหลักของประเทศ”
นายสนธิ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุที่พันธมิตรฯ ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ แต่กลับต้องถูกลั่นแกล้งสารพัด แกนนำต้องถูกต้องดำเนินคดี ถูกเยาะเย้ยถากถางจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และถูก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง วางเฉยไม่แสดงจุดยืนอย่างแท้จริง ตลอดจน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจในการดูแลสื่อในมือ ก็กลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดง ทำการยุยงปลุกปั่น และให้ข้อมูลอันบิดเบือนกับประชาชนอยู่ตลอด ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่พันธมิตรฯ จะต้องอยู่เฉย ๆ และเฝ้าดู และให้คนที่มีหน้าที่ มีอำนาจอยู่ในมือ ทั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหานี้ต่อไป เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ จะต้องทำตามหน้าที่ของตัวเอง
“พันธมิตรฯ เรายังคงมีหัวใจรักชาติเหมือนเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่ในเมื่อเราไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เราจึงเป็นได้เพียงผู้เฝ้าดู ต้องปล่อยให้รัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ ออกมาแก้ไขวิกฤติชาติ การที่จะให้พันธมิตรฯ เราออกมาปะทะกับคนเสื้อแดงนั้นเป็นเพียงกลลวง ที่จงใจปล่อยออกมา เพื่อให้เราตกลงไปในหลุมพราง ซึ่งหากเรานำมวลชนออกไปปะทะจริง เมื่อนั้นจะเป็นเงื่อนไขให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ นายสุเทพ ใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาปราบปรามมวลชนทั้งสองฝ่าย”
นายสนธิ กล่าวด้วยว่า เรื่องทั้งหมดนี้ตนได้มีการพูดคุยกับแกนนำทั้ง 5 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเช้าที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย พร้อมทั้งยังฝากมาบอกกับพี่น้องพันธมิตรฯ ด้วยว่านับตั้งแต่วันที่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์มาเป็นฉบับแรกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็เห็นพ้องต้องกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าเราควรจะต้องตั้งอยู่ในที่มั่น ดังนั้นจึงอยากให้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศอย่าได้หลงเชื่อ และขอให้ดูสถานการณ์อย่างละเอียด ระมัดระวัง อย่างตกเป็นเครื่องมือของใครเป็นอันขาด
แต่อย่างไรก็ตามการที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรฯ จะท้อถอยหรือไม่สู้ต่อไป เพราะหากวันไหนที่รัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา พ่ายแพ้ หรือไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ แกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนก็เชื่อว่า เมื่อนั้นชาวพันธมิตรฯ ก็พร้อมออกมาร่วมมือร่วมใจ ปกป้องบ้านเมืองจากความชั่วร้ายอีกครั้ง
“วันนี้ คนที่มีหน้าที่ต้องทำ ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง มันหมดเวลาแล้วที่จะมา ขุดหลุมพราง หลอกให้พันธมิตรฯ เพื่อประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของชาติแล้ว และผมก็ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้รับฟังเฉพาะมติแกนนำที่เป็นทางการเท่านั้น หากนายสุริยะใส กตะศิลา พูดหรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ ออกไป โดยไม่ได้เป็นมติของแกนนำ ก็ต้องถือว่าคำพูดนั้นเป็นคำพูดในนามเลขาธิการ ครป. หรือในนามส่วนตัวเท่านั้น”