“สุริยะใส” ซัด“แม้ว”ลงแดงอำนาจ ห่วงชาวบ้านถูกหลอกพาไปตาย เชื่อหันเป้าถล่มองคมนตรีแค่แก้ต่างคิดล้มสถาบัน ชี้ปลุกม็อบไม่ขึ้น ยิ่งตี “ป๋าเปรม” ยิ่งตอกย้ำวาระสุดท้ายของ นปช. ระบุยุทธศาสตร์เสื้อแดงสุ่มเสี่ยง จนบ้านเลขที่ 111 พากันโดดหนี แนวร่วมหาย ฟันธง 4 ข้อเรียกร้องแค่ฉากบังหน้า
วันที่ 4 ม.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม นปช.ซึ่งนัดชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่ประธานองคมนตรีในวันที่ 8 เม.ย. ภายใต้การชักใยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังหลบหนีคดีทุจริตและโทษจำคุกอยู่ต่างประเทศว่า นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงปฏิเสธลำบากว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนต่อสถาบัน เพราะเส้นทางการเคลื่อนไหวของ นปช.ที่ผ่านมาพาดพิงและจาบจ้วงเบื้องสูงตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นการปราศรัยของแกนนำและการใช้ภาษาหรือข้อความในการชุมนุมแต่ละครั้ง มีลักษณะหมิ่นเหม่สูงมาก ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนและสังคมทักท้วงและตั้งข้อสังเกตแล้วว่าไม่เหมาะสม แต่แกนนำ นปช.ไม่เอาใจใส่เพื่อลดข้อครหาดังกล่าว ซ้ำร้ายยังมีพฤติกรรมเป็นแบบอย่างไม่ดีเสียเอง โดยเฉพาะพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงมีอำนาจนั้นยิ่งตอกย้ำความเชื่อของประชาชนว่า นปช.กำลังทำลายความน่าชื่อถือของสถาบันอย่างรุนแรง
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า การโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ก็ชัดเจนอยู่แล้ว จะอ้างว่าไม่เกี่ยวกับสถาบันคงไม่ได้เพราะองคมนตรีมาจากการแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์ ยิ่งโจมตีองคมนตรียิ่งทำให้คนเชื่อว่า นปช.คิดไม่ดีต่อสถาบัน เหตุที่ นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ ลุกลี้ลุกลนออกมาปฏิเสธ คงรู้ชะตากรรมดีว่ายุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวครั้งนี้ผิดพลาดเพราะการพุ่งเป้าจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้น แรงต้านจากสังคมจะเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว สุดท้ายอาจจะเกิดการเผชิญหน้าจากประชาชนอีกฝ่ายได้ เพราะประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันก็มีสิทธิออกมาเคลื่อนไหวปกป้องสถาบัน จนอาจเกิดการเผชิญหน้าได้ในที่สุด
ส่วนข้อเรียกร้อง 4 ข้อของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่ขัดแย้งกันเอง เช่น บอกให้เอารัฐธรรมนูญ 2540 คืนมา แต่กลับเรียกร้องให้ยุบสภา มีแต่การรัฐประหารโดยกองกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นถึงจะทำได้ ซึ่งข้อเรียกร้องเหล่านี้เอามาบังหน้าเพื่อให้การต่อสู้มีสีสันทางประชาธิปไตยแต่ลึกๆ แล้วเป้าใหญ่อยู่ที่สถาบันเบื้องสูง สำหรับข่าวเจรจานั้นน่าจะมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ คงดิ้นหาทางลงให้กับตัวเองหลังจากชกหมดหน้าตัก แต่ไม่เข้าเป้าอย่างที่คิด จนคนในบ้านเลขที่ 111 (อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง) ส่วนใหญ่โดดหนีไม่กล้าเข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้
“ผมเป็นห่วงว่าการเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงของ นปช.ครั้งนี้กำลังจะพาคนไปตาย เพราะกำลังเอามวลชนผู้บริสุทธิ์ไปเป็นเหยื่อ สังเวยความแค้นและอาการลงแดงทางอำนาจของคนคนเดียว เพราะชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมเคลื่อนไหวเพราะสนับสนุนนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่คิดว่าจะมีวาระซ่อนเร้นเรื่องสถาบันด้วย หากเกิดความรุนแรงขึ้นแกนนำ นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เด็ดขาด” นายสุริยะใสกล่าว
