ตำรวจเปิดแผนรักษาความปลอดภัย ผู้นำอาเซียน บวก 3 - บวก 6 ยันเตรียมพร้อม 80 เปอร์เซ็นต์ ยึดแผนกรกฏ 48 รักษาความปลอดภัย ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 3 เหล่าทัพ ร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 5,700 นาย ดูแลความสงบ วอนทุกม็อบพักการเคลื่อนไหว ยกชื่อเสียงประเทศชาติ หวังเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวเข้าไทย
วันนี้ (2 เม.ย.) ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังศาลาว่าการเมืองพัทยาเพื่อรับฟังบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (อาเซียนบวก 3 และอาเซียนบวก 6) จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาคสองส่วนหน้า (ศปก.ภ.2 สน.) โดย พล.ต.ต.ปราโมทย์ ประทุมวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาล ให้ดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการจราจรการประชุมดังกล่าวรวมทั้งเลขาองค์กรต่างๆที่จะเข้ามาร่วม โดยการประชุมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9-12 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ สภาพปัญหาของเมืองพัทยาในช่วงเวลาการประชุมเป็นวันหยุดสัปดาห์และต่อเนื่องเทศกาลสงกรานต์ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางเข้ามาเมืองพัทยา ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยผู้นำอาเซียนคงต้องใช้ความละเอียด และต้องทำให้ครอบคลุม ในการเตรียมการมีระยะเวลาสั้น แต่ขณะนี้หากดำเนินการเต็มรูปแบบไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยและการจราจรใช้กำลังตำรวจทั้งหมดประมาณ 5,700 นาย และมีหน่วยร่วมปฏิบัติจาก 3 เหล่าทัพ ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ พร้อมด้วยการสนับสนุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอีก 23 หน่วยงานมาร่วมประสานปฏิบัติ
พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า แผนการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรดำเนินการครอบคลุมทั้งทางบก อากาศ และทางทะเล เพื่อให้ผู้นำมีความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกส่วนในเมืองพัทยาและนักท่องเที่ยวร่วมกันเป็นเจ้าภาพเพื่อเกียรติและชื่อเสียงของประเทศ ผลที่ตามมาจะมีนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาพัทยามากขึ้น ซึ่งในระหว่างการประชุมอาจจะเกิดความไม่สะดวกต้องขออภัยไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสื้อแดงที่จะมาเคลื่อนไหวเตรียมการป้องกันอย่างไร พล.ต.ต. ปราโมทย์ กล่าวว่า การประชุมนี้เป็นเรื่องของประเทศ หากเราเสียสละและสงวนพื้นที่ไว้เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยโดยรวม และเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้กลับมา ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่จะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เราได้เตรียมการจัดกำลังและพื้นที่ควบคุมไว้แล้วสำหรับการชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีการเตรียมกำลังไม่น้อยกว่า 8 กองร้อย หรือประมาณ 2,000 นาย ส่วนพื้นที่ได้กำหนดการควบคุมไว้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใดสามารถจะให้ได้ และพื้นที่ใดที่ห้ามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยไม่ให้กระทบต่อผู้นำแต่ละประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุม โดยกำหนดระยะห่างจากที่ประชุมประมาณ 1-2 กิโลเมตร
“แผนที่ใช้รักษาความปลอดภัยเป็นการผสมผสานแผนทุกด้าน โดยใช้แผนกรกฏ 48 แผนรักษาความสงบ 50 และแผนการปฏิบัติในการรองรับการประชุมผู้นำสุดยอดผู้เซียน ซึ่งหลายๆ แผนตรงนี้เรากำหนดยุทธศาสตร์ตามหลักสากล และเชื่อว่าเราสามารถที่จะดูแลให้ความปลอดภัย และคิดว่าทุกคนน่าจะยึดการรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของประเทศไว้” พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า เบื้องต้นการข่าวได้แจ้งว่าจะมีกลุ่มเสื้อแดง หรือกลุ่มอื่นๆ มาเคลื่อนไหวมาระหว่างการประชุมหรือไม่ พล.ต.ต. ปราโมทย์ กล่าว่า เราได้มีการวิเคราะห์ และประเมินทุกศูนย์ข่าวที่มีอยู่ทุกวัน โดยประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง การเคลื่อนไหวกลุ่ม เอ็นจีโอ กลุ่มก่อการร้าย กลุ่มที่มีความขัดแย้งของประเทศที่มาประชุม พร้อมทั้งประสานงานทุกหน่วยงานข่าวเพื่อวิเคราะห์ข่าวร่วมกันวันละ 2 เวลา เวลานี้ที่ห่วงคือปัญหาการจราจร อาจจะต้องมีการปิดเส้นทางจราจร ซึ่งจะกระทบนักท่องเที่ยวที่เข้ามา และอาจกระทบพื้นที่ข้างเคียง
เมื่อถามว่า มีแผนอย่างไรที่จะทำให้ผู้นำแต่ละประเทศไม่เกิดความรู้สึกว่ามาประชุมในประเทศที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางรัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์เรียกความเชื่อมั่นกับประเทศผู้เข้าร่วมประชุมอยู่แล้ว ซึ่งการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยอยู่ในขั้นสูงสุด มีความเข้มเป็นทวีคูณ ยืนยันว่าภารกิจนี้เราให้ความสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้นำ โดยมีการเตรียมการสถานการณ์ต่างๆ ไว้ชัดเจน มีทั้งมาตรการป้องกัน และมาตรการเผชิญเหตุที่เตรียมไว้แล้วพร้อมทั้งประสานทีมรักษาความปลอดภัยของผู้นำแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรภาค 2 ส่วนหน้าเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยไว้ พร้อมยังขอความร่วมมือจากศูนย์ซีซีทีวี สำหรับมอนิเตอร์ภาพในพื้นที่จุดเสี่ยง และจุดสาธารณะต่างๆ 24 ชม.ซึ่งมีการติดตั้งกล้องไว้ 250 จุดทั่วพื้นที่พัทยา โดยศูนย์ดังกล่าวได้เปิดใช้มาแล้ว 2 ปี ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้าน ในการดำเนินการ หากประชาชนพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1337
วันนี้ (2 เม.ย.) ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังศาลาว่าการเมืองพัทยาเพื่อรับฟังบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (อาเซียนบวก 3 และอาเซียนบวก 6) จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาคสองส่วนหน้า (ศปก.ภ.2 สน.) โดย พล.ต.ต.ปราโมทย์ ประทุมวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาล ให้ดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการจราจรการประชุมดังกล่าวรวมทั้งเลขาองค์กรต่างๆที่จะเข้ามาร่วม โดยการประชุมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9-12 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ สภาพปัญหาของเมืองพัทยาในช่วงเวลาการประชุมเป็นวันหยุดสัปดาห์และต่อเนื่องเทศกาลสงกรานต์ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางเข้ามาเมืองพัทยา ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยผู้นำอาเซียนคงต้องใช้ความละเอียด และต้องทำให้ครอบคลุม ในการเตรียมการมีระยะเวลาสั้น แต่ขณะนี้หากดำเนินการเต็มรูปแบบไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยและการจราจรใช้กำลังตำรวจทั้งหมดประมาณ 5,700 นาย และมีหน่วยร่วมปฏิบัติจาก 3 เหล่าทัพ ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ พร้อมด้วยการสนับสนุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอีก 23 หน่วยงานมาร่วมประสานปฏิบัติ
พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า แผนการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรดำเนินการครอบคลุมทั้งทางบก อากาศ และทางทะเล เพื่อให้ผู้นำมีความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกส่วนในเมืองพัทยาและนักท่องเที่ยวร่วมกันเป็นเจ้าภาพเพื่อเกียรติและชื่อเสียงของประเทศ ผลที่ตามมาจะมีนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาพัทยามากขึ้น ซึ่งในระหว่างการประชุมอาจจะเกิดความไม่สะดวกต้องขออภัยไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสื้อแดงที่จะมาเคลื่อนไหวเตรียมการป้องกันอย่างไร พล.ต.ต. ปราโมทย์ กล่าวว่า การประชุมนี้เป็นเรื่องของประเทศ หากเราเสียสละและสงวนพื้นที่ไว้เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยโดยรวม และเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้กลับมา ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่จะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เราได้เตรียมการจัดกำลังและพื้นที่ควบคุมไว้แล้วสำหรับการชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีการเตรียมกำลังไม่น้อยกว่า 8 กองร้อย หรือประมาณ 2,000 นาย ส่วนพื้นที่ได้กำหนดการควบคุมไว้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใดสามารถจะให้ได้ และพื้นที่ใดที่ห้ามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยไม่ให้กระทบต่อผู้นำแต่ละประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุม โดยกำหนดระยะห่างจากที่ประชุมประมาณ 1-2 กิโลเมตร
“แผนที่ใช้รักษาความปลอดภัยเป็นการผสมผสานแผนทุกด้าน โดยใช้แผนกรกฏ 48 แผนรักษาความสงบ 50 และแผนการปฏิบัติในการรองรับการประชุมผู้นำสุดยอดผู้เซียน ซึ่งหลายๆ แผนตรงนี้เรากำหนดยุทธศาสตร์ตามหลักสากล และเชื่อว่าเราสามารถที่จะดูแลให้ความปลอดภัย และคิดว่าทุกคนน่าจะยึดการรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของประเทศไว้” พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า เบื้องต้นการข่าวได้แจ้งว่าจะมีกลุ่มเสื้อแดง หรือกลุ่มอื่นๆ มาเคลื่อนไหวมาระหว่างการประชุมหรือไม่ พล.ต.ต. ปราโมทย์ กล่าว่า เราได้มีการวิเคราะห์ และประเมินทุกศูนย์ข่าวที่มีอยู่ทุกวัน โดยประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง การเคลื่อนไหวกลุ่ม เอ็นจีโอ กลุ่มก่อการร้าย กลุ่มที่มีความขัดแย้งของประเทศที่มาประชุม พร้อมทั้งประสานงานทุกหน่วยงานข่าวเพื่อวิเคราะห์ข่าวร่วมกันวันละ 2 เวลา เวลานี้ที่ห่วงคือปัญหาการจราจร อาจจะต้องมีการปิดเส้นทางจราจร ซึ่งจะกระทบนักท่องเที่ยวที่เข้ามา และอาจกระทบพื้นที่ข้างเคียง
เมื่อถามว่า มีแผนอย่างไรที่จะทำให้ผู้นำแต่ละประเทศไม่เกิดความรู้สึกว่ามาประชุมในประเทศที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พล.ต.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางรัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์เรียกความเชื่อมั่นกับประเทศผู้เข้าร่วมประชุมอยู่แล้ว ซึ่งการปฏิบัติรักษาความปลอดภัยอยู่ในขั้นสูงสุด มีความเข้มเป็นทวีคูณ ยืนยันว่าภารกิจนี้เราให้ความสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้นำ โดยมีการเตรียมการสถานการณ์ต่างๆ ไว้ชัดเจน มีทั้งมาตรการป้องกัน และมาตรการเผชิญเหตุที่เตรียมไว้แล้วพร้อมทั้งประสานทีมรักษาความปลอดภัยของผู้นำแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรภาค 2 ส่วนหน้าเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยไว้ พร้อมยังขอความร่วมมือจากศูนย์ซีซีทีวี สำหรับมอนิเตอร์ภาพในพื้นที่จุดเสี่ยง และจุดสาธารณะต่างๆ 24 ชม.ซึ่งมีการติดตั้งกล้องไว้ 250 จุดทั่วพื้นที่พัทยา โดยศูนย์ดังกล่าวได้เปิดใช้มาแล้ว 2 ปี ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้าน ในการดำเนินการ หากประชาชนพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1337
