ประชุมสภาป่วน หลัง"เป็ดเหลิม"พล่ามโทษ“น้องโบว์-สารวัตรจ๊าบ” พกระเบิด ทั้งที่ไม่มีโอกาสชี้แจง “สุเทพ” ซัดปากพล่อยพูดกล่าวหาคนอื่นแบบไม่รับผิดชอบ แจงคดีพันธมิตรฯ ปิดสนามบิน ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการ ยัน “กษิต”ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ด้าน “อ.สมเกียรติ” ยืดอกรับพร้อมรับผิดชอบพาคนล้อมสนามบิน ไม่ปอดแหกหนีไปกบดานต่างประเทศ
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการเร่งรัดการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถามนายกฯว่า รัฐบาลนี้เน้นแก้ไขปัญหาแบบมาตรฐานเดียว และให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่เหตุใด ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ 21 คน ที่มีการร้องทุกข์จากประชาชน หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และองค์กรต่างๆ แต่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งผ่านไป 3 เดือนเศษตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา จึงอยากถามว่า รัฐบาลนี้ทราบหรือไม่ว่าตำรวจมีการรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษเรื่องของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพันธมิตรฯอีกหลายท่าน และพนักงานได้รับสำนวนคดีมาดำเนินคดีบ้างหรือไม่ แต่ นายสุเทพ ไปจังหวัดปทุมธานี คนขว้างปา เพราะเขาไม่รัก แต่ 3 วันคดีจบ แต่ นายกษิต หนึ่งในผู้ต้องหา เรื่องเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งรัฐบาลบอกว่าพร้อมดำเนินการกับบุคคลเหล่านี้ แต่รัฐบาลไปตรวจสอบแล้วแกนนำพันธมิตรฯที่ถูกดำเนินคดี 21 คน ไม่มีชื่อ นายกษิต จึงได้ตั้งมาเป็น รมว.ต่างประเทศ เพราะอะไร จึงเอาผู้ต้องหาซึ่งเป็นพันธมิตรฯซึ่งถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากลมาเป็น รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาลจะเร่งรัดเอาผิดกับ นายกษิต อย่างไร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลทราบว่า มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายกษิต โดยได้มีการแจ้งความไว้ 3 คดี ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรัฐบาลรู้ เพราะมาถามหลายหนแล้ว และตำรวจก็กำลังดำเนินคดี แล้วที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดเรื่อยเปื่อย ว่า รัฐบาลไปตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการดำเนินคดีกับ นายกษิต ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ 21 คน ที่โดนดำเนินคดีนั้น
“ร.ต.อ.เฉลิม พูดปากพล่อย พูดไม่จริง พูดแบบนี้ถือว่าไม่รับผิดชอบ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ร่วมอยู่ในรัฐบาลชุดนั้น ต้องรู้ดีว่าคดีความเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-7 ส.ค.2551 ซึ่งถ้าเก่งจริง มีวิชาแกร่งกล้าจริง ทำไมท่านไม่ดำเนินการ แล้วตอนนี้มาปากกล้าอยู่ทำไม ซึ่งการบุกรุกทำเนียบ มีการดำเนินคดีแกนนำ 21 คน ซึ่งเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ที่บอกว่า รัฐบาลไปตรวจสอบอย่างดีว่าไม่มีชื่อ นายกษิต จึงเป็นเรื่องโกหกไม่จริง” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ปทุมธานี เพราะตำรวจจับได้ทันที และเขาได้สารภาพ จึงนำขึ้นศาลทันที เรื่องจึงจบ ส่วนที่บอกว่า นายกษิต ตกเป็นผู้ต้องหากรณีบุกรุกสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ทำไมรัฐบาลนี้แต่งตั้ง นายกษิต เป็น รมต.แล้วรัฐบาลเร่งรัดคดีหรือไม่ ขอชี้แจงว่า สำหรับกรณีการบุกรุกสนามบิน 2 แห่งนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ต้องหา และยังไม่ได้ออกหมายจับ หมายเรียก เพราะคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนบุคคล ซึ่งเท่าที่ทราบการสืบสวนพยานบุคคล 413 ปาก ซึ่งคาดว่า มีคนเกี่ยวข้อง 28 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนต่อ ดังนั้น นายกษิต ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา การที่คนที่ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ผู้ดำเนินคดี รัฐบาลเห็นว่าเขาสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเป็น รมต.เพราะเขามีความรู้ความสามารถ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้กำชับไม่ให้ทุกฝ่ายเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ลุกขึ้นตอบโต้ทันทีว่า ที่บอกว่าตนพูดเรื่อยเปื่อยถูกต้อง แต่มันตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง เรื่องทั้งหมดที่รองนายกฯพยายามบอกว่า นายกษิต ไม่ได้เป็นผู้ต้องหานั้น แต่มันมีการร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจราชาเทวะ ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความผิดร้ายแรง เพราะเขากล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล จึงถามว่า นายกฯไปต่างประเทศนั่งคุยจ้ะจ๋ากับผู้ต้องหา ได้มีการแนะนำอะไรผู้ต้องหาหรือไม่ เรื่องลักษณะแบบนี้ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ผ่านมาอาจจะรู้หรือไม่รู้ แต่ ณ วันนี้รู้แล้วนายกฯจะทำอย่างไร
นายสุเทพ ชี้แจงว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะใช้คำว่าผู้ต้องหา ผู้ถูกกล่าวหาสับสนอย่างไร แต่ก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบสวนรู้ ถึง ร.ต.อ.เฉลิม ไม่อายตน ก็น่าจะอายพวกสีเดียวกัน และวันนี้นายกษิต ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นเพียงแค่ผู้ถูกกล่าวหา จะให้ไปมอบตัวคงไม่ได้ นายกษิต ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ โดย นายบุญเดช เหลืองบริบูรณ์ ซึ่งผู้แจ้งความร้องทุกข์ไม่ได้เห็นด้วยตนเอง แต่ดูตามข่าว และไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งพยานหลักฐานทางคดีที่รับที่สถานีดอนเมือง จึงยังไม่ถึงตัว นายกษิต ส่วนแจ้งความที่สถานีตำรวจราชาเทวะ มีการไปแจ้งความเอาไว้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2551 ซึ่งไม่มีชื่อ นายกษิต และได้มีการแจ้งความร้องทุกข์อีกครั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2551 หลังจาก ครม.ชุดนี้ได้ถวายสัตย์แล้ว ไม่มีไปกล่าวโทษก่อนที่ นายกษิต ได้รับแต่งตั้ง
นายสุเทพ ยังย้ำว่า ดังนั้น จึงยืนยันว่า การกล่าวหานายกษิตทำหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.ต่างประเทศ แล้ว ซึ่งเป็นรายงานจาก ผบ.ตร.ส่วนวันนี้รู้แล้วจะทำอย่างไร ก็ไม่ทำอะไรก็จะให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม จะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น หากมีความผิดจริง นายกษิต ก็ต้องรับโทษ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการถามกระทู้ถามสด มีการประท้วงกันเป็นระยะๆ ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากผู้ถามและผู้ตอบกระทู้ใช้ถ้อยคำตอบโต้กันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดพาดพิงไปถึงการเสียชีวิตของน้องโบว์ และสารวัตรจ๊าบ ว่า เป็นเพราะพกพาระเบิดกับตัว ไม่เกี่ยวกับการใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างถึงผลการพิสูจน์ของสถาบันนิติศาสตร์ ที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่าพาดพิงถึงบุคคลอื่น โดยที่เจ้าตัวไม่สามารถมาแก้ต่างได้
ขณะที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า ร.ต.อ.เฉลิม พูดพาดพิงถึงคนอื่นที่ไม่สามารถมาชี้แจงได้ และไม่อยากให้พูดถึงพันธมิตร พันธมาร เพราะแต่ละคนก็มีอุดมการณ์ต่างกัน ทำงานต่างกัน และมีเป้าหมายในชีวิตต่างกัน และเป็นเรื่องที่สังคมจะประเมินเองว่าควรจะเชื่อถือใคร และจะจดจำคำว่า “พันธมาร” นี้ เพราะมีความเหมาะสม แต่จะเหมาะกับใครเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ส่วนที่กล่าวหาว่าปิดสนามบินนั้น เป็นการพูดเรื่องซ้ำซาก เพื่อหวังให้สังคมเชื่อถือ แต่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าตนผิดจริง คงไม่รอดพ้น ร.ต.อ.เฉลิม มาถึงวันนี้ และตอนนี้ก็ไม่มีคนจัดการตนเลย แล้วอย่าไปกล่าวหา นายกษิต ผมเป็นคนพาไปยึดเอง ผมพร้อมรับผิดชอบ และไปมอบตัวทันที ไม่ได้ปอดแหกตาแหกเหมือนคนบางคนที่หนีไปต่างประเทศ ส่วนคนที่สั่งปิดไม่ให้มีการบิน ก็คือ พี่เมียของนายวีระ (วีระ มุสิกพงศ์) แกนนำ นปช.เอง และขอยืนยันว่า พันธมิตรฯยังยืนยันเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง เราไม่คิดยึดอำนาจ และไม่ได้ทำรัฐประหาร จนอับอายไปทั้งแผ่นดิน” นายสมเกียรติ กล่าว