“สนธิ” ชี้ชัด “แดงถ่อย” แค่โลหิตประจำเดือน แฉเกณฑ์ ปชช.เข้าร่วมชุมนุมหวังหลอกดูดเงินจาก “นช.แม้ว” เชื่อ “ทักษิณ” เครียดจัดเรื่องเงิน หลังลิ่วล้อประกาศขนคนเข้าร่วมชุมนุมนับล้าน ก่อนยก “พันธมิตรฯ” ทำเพื่อชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ มีอุดมการณ์เหนือ “แดงถ่อย” ก่อนหยัน “พัลลภ” ขู่ขึ้นเวที นปช.วันเสียงปืนแตก แค่คนไร้ราคา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “Good Morning Thailand”
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันที่ 2 เมษายน 2552 นี้ ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมยืดเยื้อว่า นปช.นัดชุมใหญ่หลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่ 2 ในวันที่ 31 ม.ค. ซึ่ง นปช.นัดชุมนุมใหญ่ แล้วใช้ชื่อว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 2-3 หมื่นคน โดยยึดถนนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพอยึดเสร็จเรียบร้อยก็รับเงินแล้วเดินทางกลับ
“ข้อเสนอของกลุ่มเสื้อแดงในวันนั้น ระบุว่า 1.ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ 2.ให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกรณีปิดสนามบิน 3.ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา แล้วกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เสร็จแล้วก็เงียบอีก เพราะหลังจากนั้น 2-3 วัน ก็กลับบ้านกัน” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิกล่าวอีกว่า จากนั้นกลุ่มเสื้อแดงก็นัดชุมนุมใหญ่ครั้งที่ 3 ในวันที่ 24 ก.พ.52 โดยหวังจะเป็นการป่วนการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ระบุว่า จะมีผู้ชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน และจะชุมนุมยืดเยื้อ ที่สำคัญเขาประกาศว่า การเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมกว่า 6,000 คน นั้น จะต้องไม่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวาง ไม่เช่นนั้นเขาจะย้ายไปชุมนุมที่ จ.เพชรบุรี แทน ซึ่งเขาก็ชุมนุมโดยยึดพื้นที่บริเวณถนนหน้าทำเนียบฯ ได้อีก โดยมีการตั้งเวทีถาวร ตั้งโรงครัว ชุมนุมหนึ่งคือ และมีการประเมินสถานการณ์วันต่อวัน แต่คนเป็นพันเป็นหมื่นกลับมีอาหาร คือ ขนมจีนอยู่เพียงแข่งเดียว จนต้องไปสั่งข้าวกล่องแถวนางเลิ้งนับพันกล่อง แต่ไม่มีเงินจ่าย นั่นคือการชุมนุมครั้งที่ 3
“ครั้งที่ 4 คือ วันที่ 26 มี.ค.52 โดยระบุว่าจะมีคนเข้าร่วมชุมนุมกว่าแสนคน แต่เอาเข้าจริงๆ มีคนมาร่วมชุมนุมเพียง 3 หมื่นคน มาครั้งนี้เขาประกาศว่าในวันที่ 9 เม.ย.52 จะมีคนเข้าร่วมชุมนุม 3 แสนคน แต่ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะต้องมีคนเข้าร่วมชุมนุมนับล้านคน และนี่คือที่มาของม็อบประจำเดือน เหมือนที่ผมเคยบอกเอาไว้ว่า เสื้อเหลืองคือธรรมประจำจิต เสื้อแดงคือโลหิตประจำเดือน” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมโดยไม่หยุดยั้งถึง 193 วัน เพราะไม่ได้ชุมนุมตามเงินที่จ้างมา และมีวาระส่วนตัวซ่อนเร้น ซึ่งมันต่างกันมาก เพราะฝ่ายพันธมิตรฯ ชุมนุมเพื่อเรียกร้องความชอบธรรม และความยุติธรรมให้กลับคืนสู่ชิตบ้านเมือง อีกทั้งยังชุมนุมเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับชุมนุมเพื่อให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาอยู่เมืองไทยได้ ขณะเดียวกันยังชุมนุมเพื่อให้นักโทษชายทักษิณ เรียกร้องเงินที่ถูกยึดไปกลับมาได้ ฉะนั้นอุดมการณ์จึงต่างกัน เพราะเขามีแต่อุดมเงิน โดยมีคนที่อยู่ต่างประเทศป้อนเงินเข้ามา หรือแม้แต่การปิดล้อมศาลากลางจังหวัด ซึ่งไม่ได้ผลอะไรเลย
“เมื่อวานนี้ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ เวลาประจำเดือนจะมาอารมณ์จะเหวี่ยง โดยจะขี้วีน และซึมเศร้า โดยอาการจะดี และหายไปหลังจากที่ประจำเดือนมาแล้ว ซึ่งหมอวิเคราะห์ว่า ความรุนแรงไม่เท่ากัน เหมือนกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งถ้าได้เงินมา ความรุนแรงก็อาจจะสูง นอกจากนี้ยังมีอาการนอนไม่หลับ เพราะวิตกกังวลมาก หรือเครียดอย่างรุนแรง โดยจะเห็นจากการประกาศลุย เป็นไงเป็นกัน แล้วพอวันรุ่งขึ้นก็ประกาศว่า ขอให้เลิกแล้วต่อกัน แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ฉะนั้น ถ้าหากทำสมาธิ และอย่าดื่มเหล้าอย่าดื่มไวน์จนหน้าตาแดงก่ำจนพูดจาไม่รู้เรื่อง” นายสนธิแกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสนธิยังกล่าวถึงอาการของโลหิตประจำเดือนของสังคมไทย คือ อาการอยากได้เงินใช้ จึงต้องออกความเห็น โดยระบุว่าจะเอาคนมา 3 แสนคน หรือ 1 ล้านคน แต่คนที่อยู่เมืองนอกเมื่อได้ฟังแล้วก็ตัวสั่นงันงก เพราะเมื่อคราวที่แล้วจ่ายเงินไปกว่า 100 ล้านบาท แต่มากันแค่หมื่นคน มาคราวนี้นายขวัญชัย ไพรพนา ยืนยันว่า จะเอาคนมา 2 หมื่นคน ก็ต้องจ่ายประมาณ 20 ล้านบาท แล้วยังมี ส.ส.ระบุว่าจะเอาคนมา 3 แสนคน ถึง 1 ล้านคน จึงเกิดอาการเครียดว่าจะเอาเงินที่ไหนไปให้ ซึ่งเปรียบเสมือนม็อบประจำเดือน ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่า จะดาวกระจายไปที่กระทรวงการคลังนั้น ขอให้ไปกันเยอะๆ ไม่ต้องไประดมคนในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยไม่ต้องเสแสร้งอะไรทั้งสิ้น แล้วรอเงินจากนายใหญ่ ดูซิว่าจะกล้าจ่ายเงินไหม ฉะนั้น ขอให้ชุมนุมต่อกันนานๆ เพราะอากาศกำลังได้ที่
ส่วนกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ออกมาระบุว่าจะขึ้นเวทีกลุ่มเสื้อแดงในวันดีเดย์แตกหัก หรือวันเสียงปืนแตกนั้น นายสนธิ กล่าวว่า คำว่า วันเสียงปืนปืนแตกนั้น เป็นศัพท์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่จะยึดประเทศไทยคืนมา ซึ่งตนไม่มีความเห็น เพราะ พล.อ.พัลลภ เป็นคนที่ไม่มีราคาไปแล้ว นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. ยังออกมากลบอาการหลังโดนจับได้ คือ ออกมาระบุว่าตำรวจสั่งฟ้องม็อบที่ไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง
“ส่วนอีกหนึ่งเรื่อง คือ พล.ต.อ.พัชรวาท ออกมาระบุว่าถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายทักษิณ นั้น ถามตรงๆ ว่า ถ้าไม่มีพันธมิตรฯ เปิดโปง หรือคอยจี้ แล้วจะมีหรือไม่เรื่องสั่งไม่ฟ้องม็อบบุกบ้านป๋าเปรม หรือถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นหรือไม่ว่านี่คือการเมืองภาคประชาชนที่ทำงานได้ผล แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กลับออกมาระบุว่า ไม่รู้เรื่องกรณีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ได้รับรายงาน นั่นแสดงว่านายสุเทพ ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยในชีวิต ฉะนั้นนายสุเทพ อย่าลอยตัวให้มากนัก” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่หลุดปากออกมาว่า กรรมตามสนอง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าพอนักข่าวไปถาม พล.อ.สุรยุทธ์ ก็บอกว่า ไม่พูด ไม่ฟ้องร้อง แล้วแต่กรรมจะตามสนอง ถามว่าทำไมไม่มองมุมกลับว่ากรรมจะตามสนองคนพูด และ พล.อ.พัลลภ เพราะตัวคนพูด และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาป เพราะยึดอำนาจแล้วไม่ยอมทำอะไรเลย กลับเอามาทำเป็นสมบัติผลัดกันชม
ส่วนกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้เกิดอาการช็อกหน้ามืด จนหมดสตินั้น นายสนธิ กล่าวว่า บังเอิญขณะที่ ร.ต.ท.เชาวริน วูบหมดสติ ภรรยาของเขาอดีตเป็นพยาบาล อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬา จึงนำตัว ร.ต.ท.เชาวริน ไปรักษาโรคหัวใจอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลจุฬา ซึ่งตนก็หวังว่าจะหายในเร็ววันนี้ และขอเตือนว่า โรคหัวใจนั้น เกิดจากกิเลสที่พระพุทธเจ้าต้องการให้ละ ก็คือ โลภะ หรือความโลภซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด และโมหะ คือ การหลงในตัวเอง รวมทั้งโทสะ คือ ความโกรธ
“ที่สำคัญอายุของ ร.ต.ท.เชาวริน อายุมากแล้ว หลายครั้งในชีวิตก็คงจะได้ทำความดีให้กับชาติบ้านเมือง แต่ภายหลังกลับไปยึดติดกับโลภะที่จะได้จากนักโทษชายทักษิณ แล้วพอไม่ได้ดังใจ ทำให้คิดมาก ประกอบกับโดนคนด่าทั่วประเทศ และถ้าท่านยังไม่ละเว้นตรงนี้ ก็น่าเสียดายชีวิตของท่าน” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย จันทิมาธร หรือหงา คาราวาน ออกมาตอบโต้วิสา คัญทัพ ว่า เหตุที่นายสุรชัยออกมาตอบโต้ เพราะไปว่านายสุรชัยว่าไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่วิสาขึ้นเวทีเสื้อแดง ทั้งๆ ที่นายสุรชัยไม่เคยไปว่าใคร เพราะเอาธรรมนำหน้า พร้อมระบุว่าไม่ได้ถือสาอะไรทั้งสิ้น แต่ใจนายสุรชัย คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งต่างชั้นกับวิสา เป็นอย่างมาก เพราะคนคนหนึ่งทำเพราะเชื่อมั่นในศรัทธา แต่คนอีกคนหนึ่งทำเพราะรับเงินเขามาทำ