“เสื้อแดง” โวยแหลก ดีสเตชั่นจอดำ 3 ชั่วโมง อ้างรัฐบาลสั่งบล็อกสัญญาณ หวังสกัดวิดีโอลิงก์นายใหญ่ ตีโพยตีพายบิดเบือนรัฐบาลสมัคร-สมชายไม่เคยสั่งบล็อกเอเอสทีวีถ่ายทอดสดพันธมิตรฯ “ไอ้ตู่” อ้าง 8 เม.ย.ระดมคน 3 แสนล้อมบ้าน “ป๋าเปรม” เช็กบิลรัฐบาล-อำมาตยาธิปไตย ส่วน “นช.แม้ว” งดจ้อ 1 คืน อ้างพูดมาทุกวันแล้ว
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 1 เม.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงข่าวประจำวันในที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิแถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ตัดสัญญาณ การถ่ายทอดสดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ดีเสตชั่นแล้ว ทั้งๆ ที่ดีสเตชั่นเป็นสมาชิกสมาคมเคเบิลทีวีที่มีจานดาวเทียม 3 ล้านใบ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ขอตั้งคำถามกับรัฐบาลนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงไอซีที และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จุดยืนของรัฐบาลคืออะไร เพราะรัฐบาลประกาศไม่แทรกแซงสื่อ ให้สิทธิเสรีภาพสื่อ และประชาชนในการแสดงออก แต่การตัดสัญญาณชัดเจนว่าสุดท้ายรัฐบาล ก็ไม่อาจสลัดคราบเผด็จการ ไม่มีหลักการประชาธิปไตย
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานีเอเอสทีวีโจมตีรัฐบาล ถ่ายทอดการยึดทำเนียบฯ และยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่รัฐบาลในขณะนั้นก็ไม่ได้ตัดสัญญาณการถ่ายทอดของเอเอสทีวี อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ยังแสดงท่าทีชัดเจนปกป้องสถานีเอเอสทีวีหลายครั้ง แต่คนเสื้อแดงชุมนุมด้วยความสงบ ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินราชการ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย แต่รัฐบาลกลับไม่ให้โอกาสการถ่ายทอดสด จึงขอประณามว่ารัฐบาลชุดนี้เกิดและโดนชุบเลี้ยงจากเผด็จการและอำมาตยาธิปไตย หากทำแบบนี้คนเสื้อแดงที่อยู่ในประเทศโดนรังแก เหยียบย่ำ สกัดกั้น เช่นนี้ ก็จะสู้เต็มที่ เพราะความอดทนของเรามีขีดจำกัด และอาจดำเนินการด้วยวิธีการใดๆ ก็ได้
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ตอนนี้ฝ่ายเทคนิคกำลังกู้สัญญาณ หากทำได้ก็จะเป็นการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่ ว่าจริงๆแล้วรัฐบาลไม่มีปัญญาสกัดกั้นการใช้สิทธิ์ของประชาชน เป้าหมายของรัฐบาลคือ การสกัดกั้นการถ่ายทอดวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่จัดการไม่ได้ก็เลยมาจัดการดีสเตชั่นแทน หากบอกว่าการปิดดีสเตชั่นเพราะการถ่ายทอดสดกระทบความมั่นคงของประเทศนั้น ความจริงแล้วมันกระทบระบอบอำมาตยาธิปไตย ทำไมการยึดทำเนียบฯ และสนามบินยังออกอากาศได้ แต่การยึดสะพานชมัยมรุเชฐกระทบความมั่นคงนั้นมันแย่แล้ว ฝากไปยังนายสาทิตย์ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ว่า กฎแห่งกรรมมีจริง การตัดสัญญาณมันทำให้นายสาทิตย์ตัวเตี้ยลง
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ในส่วนของยอดเงินบริจาคหลังเวทีตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.-1 เม.ย. มีจำนวน 4 ล้านบาท โดยเฉพาะวันที่ 30 มี.ค.ที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะสลายการชุมนุม มียอดบริจาคสูงถึง 1.3 ล้านบาท อยากให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ออกข่าวการสลายชุมนุมทุกวัน จะได้มีเงินบริจาคมากขึ้น ซึ่งเงินดังกล่าว ยังไม่ได้รวม ยอดเงินบริจาคผ่ายบัญชีธนาคารของดีสเตชั่น ซึ่เงินบริจาคขนาดนี้สามารถชุมนุมยืดเยื้อได้
ต่อมา เวลา 19.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัยบนเวทีทำเนียบรัฐบาลตอนหนึ่งว่า ที่รัฐบาลนี้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่าทำกับรัฐบาลที่แล้วเอาไว้ถึงเข้าทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พยายามออกลีลาว่าจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างหนีโทษจำคุก) ทุกที่ แต่ตนบอกได้เลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่พร้อมเจรจาทุกที่เหมือนกัน ใครเจรจากับนายสุเทพก็บ้าแล้ว ซึ่งหลายเดือนตนถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่านายสุเทพเคยติดต่อมาหรือไม่ท่านก็ปฏิเสธ และคนเสื้อแดงมาครั้งนี้ก็ไม่ได้มาเจรจาแต่มาขับไล่โดยเฉพาะ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า วันที่ 8 เม.ย.พวกเราต้องดึง พล.อ.เปรมออกจากการเป็นก้อนกรวดใต้รองพระบาทออก เพื่อรักษาสถาบัน จะต้องเอาคนที่ใช้สถาบัน ใช้ความเป็นองคมนตรีมาก้าวก่ายประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญ และสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ถ้าเราเอาออกได้จะทำให้เรารักษาสถาบันให้คงอยู่นิจนิรันดร์
“วันที่ 8 เม.ย. พล.อ.เปรม มีโอกาสเที่ยวงานกาชาด ร้องเพลง แต่วันที่ 9 เม.ย.จะเป็นวันที่ พล.อ.เปรมจะเป็นไพร่เหมือนกับเราไม่ใช่เจ้า และประเทศนี้จะไม่มีคนเป็นลูกป๋า จะมีแต่คนทำงาน ทำดีได้ดี ไม่ต้องมีการสอพลอ พล.อ.เปรมเหมือนทุกวันนี้ เราไม่ใช่ทำลายสถาบันแต่เราต้องการเอาองคมนตรีที่สร้างพระราชภาระฯ เพื่อให้รางวงศ์ดำรงอยู่ เพื่อรักษาพระเกียรติของพระเจ้าแผ่นดิน”
นายจตุพรกล่าวอีกว่า มีคนถามว่าวันที่ 8 เม.ย.จะมีการปฏิวัติหรือไม่ ตนบอกได้เลยว่าเราเตรียมหัวใจสู้กับการปฏิวัติอย่างสมบูรณ์แล้ว และเหตุการณ์ 19 ก.ย. เป็นการยึดอำนาจที่ห่วยที่สุดแบบหมาลอบกัดที่ยังไม่มีคนเสื้อแดง ที่ยึดอำนาจขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปต่างประเทศ และเหตุการณ์นั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกเพราะประชาชนคนเสื้อแดงเห็นรถถังและยีเอ็มซีที่ไหนจะล้อมที่นั่น และพูดชักจูงให้ทหารออกมาจากรถถังให้เขาสวมเสื้อแดงให้มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย
“ทหารสามารถข่มขู่รัฐบาลในยามอ่อนแอ ทีเผลอ แต่วันนี้ไม่ใช่ คนเสื้อแดงเมื่อประกาศจุดยืน บอกว่าต้านการรัฐประหาร ถ้ามีการรัฐประหารเกิดขึ้นก็เป็นโอกาสดีที่จะจัดการกับอำมาตย์ จัดการขุนศึก จัดการสมุนขุนศึกและเราจัดการได้ในคราวเดียว และเส้นทางของเราไม่มีอะไรที่น่ากลัว ต่อให้ขู่อย่างไรไม่ได้ทำให้จิตใจเราย่อท้อ และไม่เรากลัวหน้าอินหน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น”
นายจตุพรกล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงจะออกมามากกว่า 3 แสนคนในวันที่ 8 เม.ย.ซึ่งจะเป็นวันที่ล้ม พล.อ.เปรมและรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจะเป็นวันเริ่มต้นประชาธิปไตยโดยไม่มีอำมาตยาธิปไตย จะเป็นวันที่เปลี่ยน คือวันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพราะประเทศไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่คือจุดยืนของคนเสื้อแดง และวันที่ 8 เม.ย. จะเป็นวันประชาธิปไตย เป็นวันสิทธิเสรีภาพและวันปลดแอกจากอำมาตยาธิปไตย ดังนั้นวันนั้นจะเป็นประวัติศาสตร์ที่จะต้องจารึกชัยชนะของคนเสื้อแดงเพื่อคนรุ่นลูกในประเทศนี้
ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าการปราศรัยของนายจตุพรนับว่าหมิ่นเหม่และเหิมเกริมเป็นอย่างยิ่งนั้น เพราะตำแหน่งองคมนตรีและประธานองคมนตรีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย การออกมาปลุกม็อบขับไล่พล.อ.เปรม จึงนับว่าสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดพระราชอำนาจเป็นอย่างยิ่ง
**ทีวีจอแดงสัญญาณหาย 3 ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันที่ 1 เม.ย. สัญญาณการออกอากาศผ่านดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของคนเสื้อแดงได้ขาดหายไป รวมทั้งเว็บไซต์เครือข่ายบางเว็บ เช่น www.badict.2hell.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมช่องทางการับฟังการปราศรัยของดีสเตชั่น รวมทั้งคลื่นวิยุชุมชนหลายคลื่นก็ไม่สามารถรับชมหรือรับฟังได้ แต่ต่อมาเวลา 19.00 น. สัญญาณภาพของดีสเตชั่นจึงกลับมาตามปกติ และถ่ายทอดสดการชุมนุมต่อไป
ทั้งนี้ การหายไปของสัญญาณภาพดีสเตชั่นครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่กลุ่มคนเสื้อแดงกลับโวยวายว่ารัฐบาลสั่งบล็อกสัญญาณ และนำไปเปรียบกับเอเอสทีวีว่าถ่ายทอดสดการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยที่รัฐบาลสมัยนั้นไม่เคยบล็อกสัญญาณ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงมีความพยายามที่จะปิดเอเอสทีวีมาตลอดตั้งสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ จนเอเอสทีวีต้องฟ้องศาลปกครอง ซึ่งก็ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนที่จะมีคำพิพากษาให้เอเอสทีวีชนะคดีในที่สุด อย่างไรก็ตามในช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ยังมีความพยายามส่งคลื่นรบกวนการออกอากาศของเอเอสทีวีอยู่เป็นระยะๆ