ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “แกนนำพันธมิตรฯ เมืองพระ” ชี้รวมตัวอยู่ในโซนภาคใต้ตอนบนทำให้แลกเปลี่ยนปัญหาเรื่องแผนพัฒนาของภาครัฐได้ง่ายขึ้น ระบุพันธมิตรฯ คอนเกิดด้วยความสมัครใจไม่มีนายทุนหนุน เผยเร่งทำงานเชิงรุกขยายความเข้มแข็งและสร้างเครือข่ายพันธมิตรฯ ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ยันต้องสร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์การร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ 193 วันที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าสร้างการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความแตกต่างทางความคิด ยอมรับมีขบวนเสื้อแดงที่อยู่ในพื้นที่ แต่ก็เป็นไปแบบกระจัดกระจาย เคยมีความพยายามที่จะรวมตัวกัน แต่ไม่สำเร็จ
นายทนงศักดิ์ พิทักษ์วงศ์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีการประชุมพันธมิตรฯ ภาคใต้ ครั้งที่ 2 ปรากฏว่า จ.นครศรีธรรมราชได้รวมกลุ่มอยู่ในโซนภาคใต้ตอนบน ซึ่งสอดคล้องกับสภาพปัญหาเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ต้องต่อสู้กับแผนพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมหนักรองรับโครงการเซาเทิร์นซีบอร์ด และโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อันจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งต้องติดตามและเคลื่อนไหวด้วยกำลังพลจำนวนมาก และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์กับจังหวัดในโซนเดียวกันที่ต้องเผชิญปัญหาคล้ายคลึงกัน
หลังจากนี้ พันธมิตรฯ นครศรีธรรมราชจะได้ติดตามการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องการสานต่อโครงการพัฒนา การบริหารประเทศ และเรื่องการเมืองซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสร้างการเมืองใหม่ให้เป็นรูปธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่พันธมิตรฯ แต่ละจังหวัดในภาคใต้กำลังเร่งเดินหน้า คือการให้ความรู้ประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งการพบปะ จัดกิจกรรม ติดจานดาวเทียม ASTV ตลอดจนสร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของพันธมิตรฯ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ผ่านการต่อสู้ร่วมกัน 193 วันมาแล้ว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะต้องรับว่า จ.นครศรีธรรมราช นั้นเป็นพื้นที่ดอกไม้หลากสี เรียกง่ายๆ คือมีทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งอยู่ใต้ระบอบทักษิณ
การเกิดขึ้นของพันธมิตรฯ จ.นครศรีธรรมราช มาจากความสมัครใจ และการสนใจติดตามสถานการณ์ทางการเมืองจนกระทั่งแน่ใจในอุดมการณ์ที่มีร่วมกัน จึงรวมตัวเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครศรีธรรมราช โดยจุดเริ่มมาจาก อ.มานะ ช่วยชู และนายบรรจง นะแส ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอด ได้ติดตั้งจอโปรจกเตอร์ถ่ายทอดสถานีข่าว ASTV ณ ศาลาประดู่หก อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ชาวบ้านที่สนใจข่าวสารบ้านเมืองอีกด้านหนึ่งเดินทางมาติดตาม โดยไม่มีพรรคการเมืองชักนำหรือนายทุนหนุนหลังให้มาเหมือนอย่างที่มีการโจมตี
เช่นเดียวกับการตัดสินใจเข้ามาช่วยประสานงานให้แก่พันธมิตรฯ ของตนเองก็เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ หลังจากที่ติดตามเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของอดีตรัฐบาล เรื่องจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมีมูลเหตุให้เชื่อว่ามีการกระทำเป็นขบวนการ จึงเริ่มจากพูดคุยให้ข้อมูลแก่รอบข้างให้ติดตามข่าวสาร และช่วยเหลือการจัดกิจกรรมในจังหวัด โดยเฉพาะการพูดบนเวทีให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเมือง
เมื่อครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ก็ร่วมช่วยเหลือ ทั้งกำลังทรัพย์ สิ่งของ และเดินทางไปด้วยตัวเอง ทั้งเหตุการณ์ที่เสื้อแดงพยายามก่อกวนและทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนแทบไม่ได้นอนหลับเต็มตา ต้องเปิดทีวีและผลัดกันฟังความเคลื่อนไหว เพราะกลัวทั้งจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย และกลัวว่าแกนนำจะเจอเหตุร้าย ยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ด้วยความรุนแรง ในวันเดียวกันนั้นเองพันธมิตรฯได้เก็บกระเป๋ามารวมตัวหน้าศาลาประดู่หกโดยไม่ต้องนัดหมาย ซึ่งบรรดาแม่ยกที่ไปไม่ได้ก็จัดหารถบัสโดยสารมาบริการเต็มออกจนกว่าจะไม่มีใครไป
อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมทั้งในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกจับตามองจากฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาสกัดกั้นได้ เนื่องจากพลังมวลชนมีมากกว่า ขณะเดียวกันหากฝ่ายเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหว พันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะทุกฝ่ายมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ต้องไม่ล้ำเส้นและใช้ความรุนแรง เพราะอย่างไรเสียก็เป็นเครือญาติและรู้จักกัน
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อด้วยว่า ที่ผ่านมานั้นฝ่ายเสื้อแดงพยายามเคลื่อนไหวภายในจังหวัด ทั้งเปิดสถานีโทรทัศน์เคเบิลช่องหนึ่งอันเป็นที่รู้กัน แต่ก็ยังไม่แสดงตัวชัดเจนนัก ตลอดจนมีการเปิดเวทีใน จ.นครศรีธรรมราชแล้วครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อรำลึก 14 ตุลาและได้บันทึกเทปไว้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง แต่เนื้อหาที่พูดนั้นไม่ได้เกี่ยวกัน และจากการเช็กกระแสคราวนั้นก็พบว่าการรวมตัวของกลุ่มเสื้อแดงมีจำนวนน้อย และไม่สามารถรวมเป็นกลุ่มก้อนที่เข้มแข็งได้ การจัดกิจกรรมต่างๆ จึงถูกจำกัดในวงแคบ และต้องอยู่อย่างเงียบๆ ในสังคม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่นายสุรชัย แซ่ด่าน และนายสมชาย ฝั่งชลจิตร ร่วมทำพิธีพราหมณ์เพื่อจะทำการฝังสิ่งอัปมงคลที่หน้าลานประดู่ และจะมีการเผาพริกเผาเกลือ หลักฐานมีชัดเจนเพราะมีทั้งเครื่องเซ่น แต่ไม่รู้จะสกัดไม่ให้ทำอย่างไรเพราะเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น จึงแจ้งให้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประกาศผ่านเวทีพันธมิตรฯส่วนกลาง เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น พลังคนเสื้อเหลืองของเมืองนครฯได้หลั่งไหลมารวมตัว กลุ่มนั้นก็เลยล่าถอยไปโดยที่ไม่มีการปะทะกัน
หรือแม้แต่กรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางมา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อทำบุญในพิธีสืบชะตาแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทราบข่าวก็อดรนทนไม่ไหวกับออกมาต่อต้านขณะที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาให้กำลังใจ และจ้างแม่บ้านชุมชนมาตั้งแถวต้อนรับ อีกทั้งได้มีการสั่งให้ครูและนักเรียนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลฯมาตากแดดเพื่อต้อนรับ
ในครั้งนั้นพันธมิตรฯ จึงได้เตือนสติว่าหากมีมือที่สามหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ครูจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักเรียน การให้ครูและนักเรียนมาร่วมต้อนรับเป็นเพียงเกมการสร้างมวลชนเท่านั้น เพราะแต่ละคนถูกสั่งโดยที่ไม่ได้มาจากความต้องการตัวเอง ครูทั้งหมดจึงปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านและสลายตัวไปในที่สุด
“ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร เรามีความเคารพในความคิด จะให้ใช้กำลังมันก็ได้ เอาอะไรเขวี้ยงใส่กันมันไม่เจ็บหรอก แต่เสียศักดิ์ศรี ทางที่ดีต้องสู้กันด้วยปัญญา เปิดเวทีสร้างความรู้ให้กันดีกว่า ซึ่งพันธมิตรฯเรามีจุดแข็งที่ความรู้และข่าวสารรอบด้าน เพื่อมีเรื่องอะไรก็สามารถรวมตัวกันได้รวดเร็ว นับต่อจากนี้พันธมิตรฯทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนสร้างการเมืองภาคประชาชนให้เกิดความเข้มแข็ง” นายทนงศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย