เครือข่ายวิทยุชุมชนเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เข้าพบ “สาทิตย์” ให้กำลัง ด้านเจ้าตัวปลุกวิทยุชุมชนป้องสถาบันเบื้องสูง ยันรัฐบาลมีน้ำยาจัดการ แต่ไม่อยากซ้ำวิกฤตชาติ เชื่อ “ใจ อึ๊งภากรณ์” อยู่เบื้องหลังขบวนการข้ามชาติ
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น.กลุ่มตัวแทนเครือข่ายวิทยุเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (วมค.) นำโดย นายประชา มุ่งรักษ์ชน ประธานกรรมการเครือข่ายวมค.เข้าพบ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจรัฐบาลในการทำงาน โดย นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศในตอนนี้มีภัยคุกคามอยู่ 2 ประเภท คือ 1.วิกฤตความขัดแย้งทางความคิด และ 2.วิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตนอกประเทศ โดยวิกฤตความขัดแย้งด้านความคิดขณะนี้ขยายวงเกินเลยถึงองคมนตรี ซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่ลงมาชี้แจงตอบโต้ทางการเมืองได้ นอกจากนี้ ยังมีการคุกคามไปยังสถาบันที่ไม่มียุคไหนรุนแรงเท่ากับ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการที่เว็บไซต์เผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบัน หลายฝ่ายได้ตำหนิรัฐบาล โดยเฉพาะตนที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ทำให้มีสภาพเหมือนหนังหน้าไฟ แต่การที่รัฐบาลไม่ตอบโต้ผู้ที่วิดีโอลิงก์แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือการที่มีผู้วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่มีน้ำยา ไม่จัดการอย่างเด็ดขาด เป็นเพราะรัฐบาลต้องการหลีกเลี่ยงความรุนแรง ต้องการให้ประเทศสงบ และไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยวิกฤตที่ผ่านมา ที่มีการใช้ความรุนแรง เช่น การใช้แก๊สน้ำตา แต่ก้ต้องยอมรับว่า มีหลายกระบวนการที่พยายามเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะจากนอกประเทศที่ตนมั่นใจว่า มี นายใจ อึ๊งภากรณ์ ร่วมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้าวิทยุชุมชนต้องการรักษาความมั่นคงของประเทศ ก็ต้องร่วมมือกันปกป้องสถาบัน เพราะถ้าเขาทำได้สำเร็จ สังคมไทยจะเกิดความแตกแยก ยากที่จะประสานให้กลับมาได้เหมือนเดิม ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องอาศัยวิทยุชุมชนที่เป็นสื่อเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง ให้ช่วยกันรณรงค์ให้ยึดสถาบันของชาติเป็นหลัก จำกัดวงความขัดแย้งทางการเมืองให้อยู่เฉพาะที่รัฐบาลเท่านั้น และช่วยกันเรียกร้องให้คนไทยรวมพลังสู้วิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องจัดการภัยที่คุกคามสถาบันในทกรูปแบบ โดยล่าสุด ได้อนุมัติงบให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน) จำนวน 1 พันล้าน เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างความเข้าใจ ให้มีการยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์
“วิทยุชุมชนที่ดีมาก แต่ต้องยอมรับว่า มีวิทยุชุมชนบางแห่งที่บิดเบือนข้อมูล ถูกนำไปใช้เป็นประโยชน์ทางการเมืองในการหมิ่นสถาบัน ทำให้ชื่อเสียงวิทยุชุมชนโดยรวมเสียหาย จึงอยากให้วิทยุชุมชนได้ร่วมกันสื่อสารถึงประชาชนในการรณรงค์รักษ์สถาบันแห่งชาติเพื่อให้เราผ่านวิกฤตไปได้”