จันทบุรี - นายทุนหัวใสลงทุนก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด พร้อมขอตราประทับไม้การทำสวนป่า ก่อนดำเนินการหมกเม็ดตัดไม้สงวนในพื้นที่อ้างใช้สร้างที่อยู่ แต่รถบรรทุกไม้ของกลางกลับวิ่งเข้าโรงเลื่อย
วันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่งานข่าวกรอง กองกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ค่ายเจ้าพระยาบดินท์เดชา อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบพื้นที่การทำสวนป่า บ้านทุ่งเพล ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่จำนวนกว่า 50 ไร่ ที่มีกลุ่มนายทุน ร่วมกันจัดตั้งกิจการสวนป่า ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด จันทบุรีปาล์ม เลขที่ 8/10 ม.7 ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยมีเอกสารเป็นหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนตรา ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจันทบุรี พร้อมขอออกตราที่ใช้ตี ตอก ประทับหรือแสดงตราไม้ ที่ได้จากการทำสวนป่า ตามหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า เลขที่ สบ.52 จบ
นอกจากนี้ กลุ่มนายทุนยังได้ยื่นขอหนังสือรับรอง การแจ้งตัดหรือโค่นไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่าในพื้นที่ ระบุเป็นไม้ยางนา จำนวน 30 ต้น โดยผู้ขอกล่าวอ้างว่าใช้เพื่อการปลูกสร้างที่อยู่อาศัย จากการขึ้นตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว พบว่าพื้นกว่า 80 % ถูกแปรสภาพเป็นพื้นที่โล้งแจ้ง โดยการใช้เครื่องจักรเข้าปรับพื้นที่ และแผ้วถาง โค่นไม้ยินต้นขนาดใหญ่ พร้อมเผาทำลายวัชพืช ไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกโค่นลง คนเหลือเพียงบางส่วน ที่นายทุนเจ้าของพื้นที่ จ้างแรงงานนำเครื่องจักรทำการแปรรูปในพื้นที่ พบไม้แปรรูปรอการขนย้าย กว่า 100 ท่อน คาดว่าอีกจำนวนหนึ่งมีการลำเลียงออกนอกพื้นที่ไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 เผยว่า หลังจากการเข้าตรวจสอบในพื้นที่ และการเปรียบเทียบกับเอกสารสิทธิ์ตลอดจนหนังสือรับรอง ที่กลุ่มนายทุนนำมาแสดง ได้มีการตั้งข้องสังเกตว่า มีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ทั้งในเรื่องการออกหนังสือรับรองการทำสวนป่า ที่ไม่มีหลักโฉนดและการกันแนวพื้นป่าที่เห็นเด่นชัด การแจ้งตัดหรือโค่นไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่าที่ขอไว้จำนวน 30 ต้น และให้ดำเนินการเพียงวันเดียว จนขณะนี้ยังมีการดำเนินโค่นไม้และแปรรูปอย่างต่อเนื่อง คาดว่า น่าจะมีการหมกเม็ด การใช้ตราที่ใช้ตี ตอก ประทับหรือแสดงตราไม้ ที่ได้จากการทำสวนป่า มากกว่า 30 ต้น การใช้เครื่องจักรขุดตอไม้ที่โค่นลงฝังกลบดิน แล้วใช้ตราประทับ ตอกไม้ที่โค่นลงใหม่ เพื่อใช้อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่า ยังไม่ครบตามจำนวน 30 ต้น ส่วนไม้ที่ถูกโค่นลง ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามรถบรรทุกไม้พบว่า ได้นำไปใช้เพื่อทำการสิ่งปลูกสร้างจริง
นอกจากนี้ ยังมีวิ่งเข้าไปในโรงเลื่อย ทำให้สังเกตว่า การดำเนินการก่อตั้งห้างหุ้นส่วน เพื่อทำสวนป่าของกลุ่มนายทุน พร้อมทั้งมีการดำเนินธุรกิจแปรรูปไม้สงวนแอบแฝง โดยใช้เอกสารสิทธิ์และตราตีตอกเป็นช่องทางในการกระทำผิด โดยมีหน่วยงานผู้ออกเอกสารสิทธิ์ เป็นหนังหน้าไฟ คาดว่า หากยังมีกลุ่มนายทุน ที่ยังใช้ช่องทางในลักษณะดังกล่าว พื้นป่าสงวนทั้งในพื้นที่เขาทุ่งเพลและป่าสงวนอื่น ก็ไม่อาจหลงเหลืออีกต่อไป
