โฆษกมาร์ค ยกผลสำรวจอัดซ้ำ “แม้ว” คนหัวเสียชอบพูดโกหกรายวัน เพราะถูกไข่แม้วดำคนเชียร์แขกหลอกขายภาพให้คนตาบอด เรียกร้องให้หยุดทำตัวเป็นปัญหาชาติ และกลับมาต่อสู้คดีให้ชนะเสียก่อน หากหวังคืนสู่เส้นทางการเมือง ชี้ ผลพวงของการปฏิวัติคือ “รัฐบาลหอกหัก-ชายอำมหิต”
วันนี้ (16 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เด็ก 2 คนหัวโน เพราะหัวชนกันที่ถกปัญหาเศรษฐกิจไม่ตก ว่า ได้มีโอกาสไปรับนายกรัฐมนตรีถึงบนเครื่องบิน เพื่อดูหัวของนายกฯว่าโนจริงหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ทักษิณพูด และไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่คนหัวเสียที่มัวแต่โทรศัพท์พร่ำเพรื่อน่ากลัวกว่า ตนคิดว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพูดทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยเล็งไปที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง โดยพยายามพูดโฆษณาชวนเชื่อบ่อยครั้ง เพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นอีกครั้ง ว่า เด็ก 2 คนและรัฐบาลนี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ โดยย้ำเช่นนี้ให้ประชาชนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ ก็ระบุออกมาแล้วว่า ประชาชนไม่เชื่อว่า ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับที่ไม่เชื่อว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯแล้วจะไม่กู้เงิน ข้อสรุปจากผลโพลทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องขยันที่จะโฟนอิน และแสดงความเห็นผ่านสื่อให้มากขึ้น โดยยึดหลักพูดโกหกทุกวันเพื่อจะทำให้คนเชื่อว่าเป็นความจริงได้
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า คิดว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามขัดขวางแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทุกวิถีทาง ส่วนตัวคิดว่า ปัญหาเศรษฐกิจตามที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หนักหนาสาหัสจากการพูดคุยกับผู้นำต่างประเทศแล้ว แม้ว่าปัญหาของไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือผลกระทบจากพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำตัวเป็นปัญหาหนึ่งของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ ดังนั้น ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเจตนาดีต่อบ้านเมืองตามที่ระบุไว้ ก็น่าที่จะยุติพฤติกรรมการทำตัวให้เป็นปัญหาของชาติตั้งแต่บัดนี้
“ถ้าติดตามการโฟนอินของทักษิณที่ จ.จันทบุรี จะเห็นว่า มีการประกาศสู้ทุกรูปแบบ ชาวบ้านเรียกว่า พฤติกรรมของคนเลือดเข้าตา หรือหมาจนตรอก คือ พยายามประกาศชักธงรบโดยยกเพลงของ เจิน เจิน มาว่า ต้องสู้จึงจะชนะ ขึ้นมาร้อง ก็อยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า คิดจะสู้กับใคร สู้กับรัฐบาลประชาธิปัตย์ หรือสู้กับกระบวนการยุติธรรม หรือสู้กับสถาบันองคมนตรีหรือสถาบันอื่นที่คิดว่า เป็นปัญหาสำหรับตัวเอง โดยคิดว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาสู้ทางการเมือง อยากเรียกร้องว่าให้กลับไปสู้คดีอาญา ที่ยังมีโทษติดตัวอยู่ให้ชนะเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาสู้ทางการเมืองกับองค์กรอื่นๆ”
ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่า การจัดชุมนุมของคนเสื้อแดง เป็นแผนหนึ่งในแผนตากสิน เพราะมีการจัดเตรียมขั้นตอนการเคลื่อนไหวเป็นแบบแผน ขั้นตอน เช่น มี นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ทำตัวเป็นคนเชียร์แขก โดยพยายามรายงานสถานการณ์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบให้เกิดจินตนาการ เห็นว่า มีคนมาร่วมฟังจำนวนมาก ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลงใหล เหมือนเอาภาพวาดไปขายคนตาบอดแล้วก็บอกว่า ภาพสวยน่าซื้อ พวกคนเชียร์แขกเหล่านี้ จะบอกว่ามีคนมาฟังมาก มีคนคลั่งไคล้มาก ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลำพองและภูมิใจ จึงสนับสนุนการนัดชุมนุมขึ้นมาอีก
นายเทพไท กล่าวต่อว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค.โดยพยายามทวงบุญคุณกับคนทุกกลุ่ม ทั้งข้าราชการที่ตัวเองแต่งตั้งและไม่ปฏิบัติตาม ไม่จงรักภักดีหรือไม่เห็นด้วยกับตัวเองก็ออกมาเปิดโปงที่มาของตำแหน่งข้าราชการบางคน รวมถึงการทวงบุญคุณจากประชาชน การกล่าวหารัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น พยายามใส่ร้ายว่า รัฐบาลนี้มาจากผลพวงของการปฏิวัติ จึงขอชี้แจงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ว่า รัฐบาลที่เป็นผลพวงหลังจากการปฏิวัติ คือ รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ 2 รัฐบาลนั้นล้มเหลวจากการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมีเสียงเรียกร้องให้ ส.ส.บางส่วนเห็นประโยชน์ของชาติได้เปลี่ยนขั้วการเมืองมาร่วมตั้งรัฐบาล ขอยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ใช่ผลพวงจากการปฏิวัติ แต่เป็นผลพวงจากการล้มเหลวจากการทำงานของรัฐบาล 2 ชุดที่กล่าวมา