xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ยอมรับ “แม้ว” ละเมิดสิทธิยาเสพติด-ชายแดนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกฯ การันตีจะยึดหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เรียกร้องเจ้าหน้าที่-สื่อรณรงค์ให้คนตระหนักสิทธิของคนอื่นด้วย ยอมรับรัฐบาลในอดีตละเมิดหลักสิทธมนุษชนทั้งในเรื่องปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนทางภาคใต้ ส่งผลให้ปัญหาสั่งสมมาตลอด

วันนี้ (16 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวานสิทธิมนุษยชน ที่โรงเรียนสตรีวิทยา และรับฟังรายงานเรื่อง “ศักดิ์ศรีและความยุติธรรมสำหรับทุกคน : เสียงของเราที่ได้ยินบนแผ่นดินไทย” ที่จัดขึ้นโดยทีมงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน จึงเป็นที่น่ายินดีที่รัฐบาลและสหประชาชาติจะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสำนึก และเผยแพร่เสียงเรียกร้องต่างๆ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกของเอเชีย ที่ร่วมรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแทบจะเรียกได้ว่า ทุกฉบับก็ได้ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล รวมถึงการประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และการมีกลไกที่จะมาคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่าง ที่มีอยู่ระหว่างสิ่งที่เป็นกฎหมาย สิ่งที่เป็นนโยบายกับสภาพความเป็นจริง ที่มีคนจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหา ในแง่ของการถูกละเมิดสิทธิ และปัญหาเหล่านี้ยังมีอยู่มาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหา และยอมรับความมีอยู่จริงของปัญหา ซึ่งรัฐบาลยืนยันในจุดนี้

“ผมทราบดีว่าการทำงานโดยเฉพาะในยุคสมัยปัจจุบันนี้ การทำอะไรโดยเปิดเผย หรือการยอมรับบางสิ่งบางอย่างที่เป็นปัญหา หลายคนจะวิตกกังวลว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และต้องยอมรับความไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่งว่า ประเทศใดซึ่งกล้าที่จะเผชิญและเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ กลับกลายเป็นถูกมองว่ามีภาพลักษณ์ของความเสียหาย ในขณะที่หลายๆ ประเทศพร้อมที่จะซุกปัญหาเหล่านี้ไว้ใต้พรม และหากสื่อสารมวลชน หรือประชาคมโลกไม่เข้มแข็งติดตามในประเทศเหล่านั้น ก็กลับกลายเป็นว่าประเทศเหล่านั้น ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหา ผมยืนยันว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน กระทำบนพื้นฐานการยอมรับความจริง เพื่อเป็นขั้นตอนสำคัญขั้นแรกที่จะให้ทุกหน่วยงาน รวมทั้งภาคประชาสังคมมีความตื่นตัวที่จะมาร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนและสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจากพื้นฐานของความไม่เข้าใจ หรือเกิดขึ้นจากทัศนคติซึ่งยังไม่ถูกต้อง หรือไม่ส่งเสริมให้เกิดการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ซึ่งตนเชื่อว่าหลายคนคงจำได้ว่า แม้แต่ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็มีนโยบายหลายด้านซึ่งเป็นนโยบายที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ปัญหาของวงจรความรุนแรงดำเนินมาถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดในบางยุคบางสมัยในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่มีความเชื่อว่าจะสามารถใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ เช่นปัญหายาเสพติด แต่คิดว่าวันนี้สังคมได้เรียนรู้แล้วว่า หากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่รู้จักที่จะเคารพสิทธิมนุษยชนเสียเอง ปัญหาจะไม่มีวันจบ ซึ่งสิ่งที่ตนต้องการจะเห็นเกิดขึ้นจากนี้ไปคือ ความเข้าใจที่ดี และทัศนคติที่ดี และส่งเสริมในเรื่องของการคุ้มครองและเคารพสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การเรียนรู้ หรือการสร้างความตื่นตัวในเรื่องนี้จึงเป็นแนวทางที่มีความสำคัญมาก และโครงการในวันนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ควรได้รับการส่งเสริม และตนหวังที่จะเห็นบทบาทของสื่อมวลชนและภาคประชาสังคมในวงกว้างร่วมรณรงค์ในเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรียังให้ข้อคิดในการรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนว่า ทุกฝ่ายมักจะรณรงค์เรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบสิทธิของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่มีสิ่งที่สำคัญกว่าคือ การรณรงค์ในเรื่องสิทธิจะต้องทำให้คนตระหนักถึงสิทธิของผู้อื่น เพราะเป็นเรื่องไม่ยากที่จะคนจะเรียกร้องสิทธิให้ตัวเอง แต่จะเป็นเรื่องยากกว่ามากที่จะเรียกร้องให้คนเคารพสิทธิของผู้อื่น โดยเฉพาะถ้าผู้นั้นเป็นคนที่มีความแตกต่างไปจากตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงความคิด หรือภูมิหลัง โดยมองผู้ด้อยโอกาสเหมือนคนคนหนึ่งจากสายตาผู้มอง ซึ่งถ้าเราสามารถทำให้ทุกคนคิดถึงคนอื่นในลักษณะนี้ได้ ตนมั่นใจว่าแม้จะมีปัญหาอุปสรรคเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่ถ้าทุกคนมีใจให้กันและกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะประสบความสำเร็จในการคุ้มครองและรักษาสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพของคนอื่น

นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า ขอให้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และสหประชาชาติ ในเรื่องนี้สัมฤทธิผลตามเป้าหมายมีประชาชนเป็นผู้ได้รับประโยชน์เป็นสำคัญ และได้รับการสานต่อไปยังทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อให้กระบวนการเรียนรู้ด้นสิทธิมนุษยชนได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง บรรลุเป้าหมายของการที่สังคมมีประชาชนทุกคนมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคง มีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค สมดังเจตนารมณ์ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

ด้าน นายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คาราวานสิทธิมนุษยชนฯ ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจแก่สาธารณชนถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งน่ายินดีที่หลายหน่วยงานในรัฐบาลให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน และการที่นายกรัฐมนตรีมาร่วมเปิดคาราวานในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจะให้ร่วมมือส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิฯก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานนี้ทางคณะทำงานได้เปิดตัวบุคคล 3 คน ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนในรายงานศักดิ์ศรีและความยุติธรรมสำหรับทุกคน โดยหนึ่งในนั้นมี นางอารีวรรณ จตุทอง หรืออ้วน อดีตรองนางสาวไทย อันดับสอง ปี 2537 ร่วมสะท้อนด้วย ซึ่งนางอารีวรรณที่เคยถูกอดีตสามีทารุณกรรม ได้ฝากนายกรัฐมนตรีให้ช่วยดูการปฏิบัติตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำในครอบครัว ซึ่งกฎหมายนี้ถือเป็นกลไกที่ดี แต่ผู้บังคับใช้โดยเฉพาะตำรวจยังไม่เข้าใจกฎหมายนี้พอ และขอให้รัฐบาลร่วมมือในการทำอย่างไรที่จะคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนที่เคยติดคุก พร้อมทั้งขอให้ทุกคนตระหนักและมีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยใจอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น