อธิบดีราชทัณฑ์ สั่งเร่งกวาดล้างโทรศัพท์มือถือ-ยาเสพติดให้หมดจากเรือนจำ เผยคุกคลองเปรมมีปัญหาหนักสุด จากการคุมขังนักค้ารายสำคัญ เนื่องจากขาดแคลนกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล จำเป็นต้องเร่งติดตั้งอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ พร้อมประสานฝ่ายทหารร่วมควบคุมผู้ต้องขัง
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาตรวจเยี่ยมเรือนจำชมการแสดงร้องเพลงประสานเสียงของผู้ต้องขังในโครงการคืนคนดีสู่สังคม และตรวจดูความพร้อมของสถานที่ในการเฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จทรงเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญา ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีหน้าที่เพียงนำคนผิดมาควบคุม แต่จะต้องเตรียมการให้ผู้ต้องขังมีอนาคต อยู่ร่วมกับสังคมได้ เมื่อออกจากเรือนจำต้องมีอนาคตที่จะเดินต่อไป หากสังคมไม่ให้โอกาสผู้ต้องขังเหล่านั้นก็ต้องกลับมาอยู่ที่เดิม ซึ่งถือเป็นความล้มเหลว ดังนั้นตนจึงได้หารือกับนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อจัดหางานให้กับผู้ต้องขังตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ โดยผู้พ้นโทษที่ตั้งใจทำความดีและรู้สำนึกถึงความผิดพลาดจะได้มีอนาคตใหม่
ด้าน นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ร่วมมือกับพันธกิจคริสเตียนจัดทำโครงการบำบัดปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยของผู้ต้องขังในหลายด้าน ได้แก่ การฝึกอาชีพ การฝึกหัดร้องเพลงประสานเสียง เมื่อผู้ต้องที่ร่วมโครงการพ้นโทษ พันธกิจคริสเตียนจะรับตัวไปอยู่ที่บ้านกึ่งวิถีหาทุนศึกษาต่อและจัดหางานให้ทำ โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นการแสดงร้องเพลงประสานเสียงร่วมกันระหว่างผู้ต้องขังกับผู้พ้นโทษที่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยสามารถสร้างงาน สร้างรายได้จากวิชาชีพที่ฝึกจากในเรือนจำ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ต่อสังคมว่าผู้พ้นโทษสามารถกลับตัวเข้าสู่สังคมได้หากได้รับโอกาส อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานักโทษกลุ่มน้อยที่สร้างปัญหาลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามและยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ ทำให้ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบและถูกมองในแง่ลบ
นายนัทธี กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการกวาดล้างสิ่งของต้องห้ามและยาเสพติดให้หมดจากเรือนจำความมั่นคงสูง กรมราชทัณฑ์จะจู่โจมตรวจค้นตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ในส่วนของเรือนจำกลางคลองเปรมซึ่งยังตรวจพบยาเสพติดและโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่องนั้น ผู้บัญชาการเรือนจำและผู้บริหารเรือนจำหลายระดับต้องร่วมกันรับผิดชอบ และขอให้ติดตามความคืบหน้าในการจัดการกับปัญหาในเรือนจำภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากเรือนจำที่มีปัญหาการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดเข้าไปมีอยู่ประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งควบคุมผู้ต้องขังรายสำคัญ พฤตินิสัยดื้อด้าน เป็นกลุ่มคนที่หมดอนาคต
“การยึดสิ่งของต้องห้ามและยาเสพติดจากในเรือนจำแต่ละครั้งต้องอาศัยสายข่าว ทั้งจากผู้คุมและนักโทษ ซึ่งขณะนี้พบว่าเรือนจำกลางคลองเปรมมีปัญหาหนักกว่าเรือนจำกลางบางขวางหรือทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วนหนึ่งมาจากการขาดแคลนกำลังเจ้าหน้าที่ จึงต้องเร่งติดตั้งอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์และประสานให้ทหารส่งกำลังเข้ามาร่วมควบคุมผู้ต้องขัง” อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว