“วิชัย” รับลูกตั้งกรรมการสอบวินัย “สุกิจ” หลังออกมาวิจารณ์การโยกย้ายแต่งตั้ง คาด 15 วันรู้ผล เล็งโยกย้ายข้าราชการมหาดไทยอีกล็อต ปัดย้ายนอกฤดู อ้างหมุนเวียนตำแหน่งเพื่อการทำงานที่ดี ด้าน “สุกิจ” ร่อนหนังสือรายงานนายกฯ เหตุปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ 1.2 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิชัย ศรีขวัญ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ยังคงออกมาแฉเบื้องหลังตอบโต้ผู้บังคับบัญชาตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่องว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัยเรียบร้อยแล้ว โดยให้มีการสอบสวนเร่งด่วนคาดว่าภายใน 15 วันจะได้รับทราบข้อเท็จจริงว่ามีความผิดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายสุกิจยังคงออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้รัฐมนตรีอีกจะถือเป็นความผิดวินัยซ้ำซากหรือไม่ นายวิชัยพยายามเลี่ยงโดยกล่าวเพียงว่า คณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นก็ต้องสอบไปทุกเรื่องโดยให้แต่ละระดับชั้นมีการรายงานเข้ามา
เมื่อถามว่ากรณีที่นายสุกิจมีหนังสือโต้ตอบกับสำนักงาน รมช.มหาดไทย พร้อมทั้งร้องเรียนถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยว่ามีเบื้องหลังการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่และกดดันเรื่องการจัดสรรงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทางกระทรวงจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังแค่ไหน นายวิชัยกล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าวที่ตนตั้งขึ้นโดยมีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานก็จะได้สอบสวนในประเด็นดังกล่าวด้วยว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้ฝ่ายข้าราชการประจำไปสอบสวนฝ่ายการเมืองซึ่งข้าราชการเป็นเบี้ยล่างฝ่ายการเมืองตลอด ประชาชนจะคาดหวังได้แค่ไหน นายวิชัยหัวเราะก่อนตอบว่า คณะกรรมการสอบสวนฯ ก็เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงมหาดไทย เป็นถึงหัวหน้าผู้ตรวจราชการในกระทรวงมหาดไทยแล้ว
เมื่อถามว่ามีข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีการโยกย้ายใหญ่อีกระลอกหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาลหรืออย่างไร นายวิชัยกล่าวว่า ปกติการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยจะทำ 2 ครั้งในช่วงสิ้นปีที่มีผู้เกษียณและโยกย้ายกลางปีเพื่อหมุนเวียนตำแหน่ง แต่สามารถที่จะโยกย้ายได้ตลอดเวลา เมื่อถามว่าการโยกย้ายครั้งนี้เป็นประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจึงมีการโยกย้ายนอกฤดูกาล นายวิชัยกล่าวว่า การย้ายครั้งนี้ไม่ได้เป็นการย้ายนอกฤดูกาลแต่อยู่ช่วง มี.ค.-เม.ย.ถือเป็นฤดูกาลปกติ ส่วนการที่พรรคฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องการโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรมขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.มหาดไทย และ รมช.มหาดไทยนั้น ทางกระทรวงคงไม่มีการตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีให้ แต่ทางกระทรวงจะหาข้อมูลให้อยู่แล้ว หากรัฐมนตรีต้องการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องขอมาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเสนอการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและความล่าช้าในการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวระบุว่ากรมการปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เรื่องการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาอปท.กรณีเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ลงวันที่ 1 ธ.ค.2551 และประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.เรื่องการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับสนับสนุน อปท.ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาของ อปท.ปีงบประมาณ 2552 ลงวันที่ 1 ธ.ค.2551 ดังนี้
1.เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจฯ โดยให้พิจารณาอนุมัติโครงการตามความจำเป็นเร่งด่วนให้กับ อบต. และเทศบาลตำบลที่มีรายได้ในปีงบประมาณ 2551 ต่ำกว่า 20 ล้านบาทเท่านั้น
2.เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจฯ โดยให้ระงับการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจไปให้กรุงเทพฯ เมืองพัทยา อบจ.เทศบาล และ อบต.ที่มีรายได้ (รวมเงินอุดหนุน) ในปีงบประมาณ 2551 เกิน 20 ล้านบาทขึ้นไปทุกแห่ง
ทั้งนี้ ปี พ.ศ.2558-2559 รัฐบาลเคยมีดำริที่จะให้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวข้างต้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยจากข้อมูลรายได้ของ อปท.7,853 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีรายได้แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อบต.และเทศบาลประมาณ 4,500 แห่ง มีรายได้เพียง 10-20 ล้านบาท หาก อปท.เหล่านี้ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ สำหรับพัฒนาพัฒนาอปท.กรณีเร่งด่วน ในวงเงิน 12,000 ล้านบาท และเงินอุหนุนเฉพาะกิจสำหรับสนับสนุนอปท.ตามยุทธศาสตร์ของ อปท.ในวงเงิน 2,999 ล้านบาท ก็จะได้งบประมาณโดยเฉลี่ยแห่งละ 3-4 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง อปท.ในสังคมเมือง กับ อปท.ในสังคมชนบทได้ระดับหนึ่ง
