“เทพเทือก” ชักหัวเสีย เลี่ยงตอบแม้วโฟนอิน อ้างประเทศเสรีประชาธิปไตย ปฏิเสธตัวตั้งตัวตีประสานฮ่องกงขอตัวแม้ว แต่ยินดีหากนำตัวส่งคืน ยังไม่รู้ปิดเว็บประชาไท ขอดูจดหมายจากสมาคมสื่อฯ ก่อน ขณะเดียวกัน ไล่บี้ผู้ว่าฯ-ตำรวจลพบุรีเร่งเอาผิดม็อบแดงปาขวดใส่นายกฯ
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ จ.นครนายก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เป้าหมายคือไปประชุมชี้แจงนโยบายของการที่จะสมานฉันท์และนโยบายสำคัญๆให้ข้าราชการที่นั่นได้ทราบ ซึ่งต้องอธิบายให้ประชาชนในจังหวัดได้ทราบว่าระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบปกครองที่วิเศษที่สุดแล้วสำหรับประเทศไทย และการปกครองแบบนี้ประชาชนอาจจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องแตกแยกกันเพราะคนไทยด้วย ซึ่งต้องใช้กฎเกณฑ์กติกาให้ถูก
“ที่ผมต้องไปชี้แจงอย่างนี้เพราะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถที่จะสั่งการในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดให้ส่วนราชการทั้งหลายในจังหวัดลงไปประชุมชี้แจงกับประชาชนโดยเฉพาะกับกำนันผู้ใหญ่บ้านซึ่งจะต้องประชุมกับลูกบ้านทุกเดือน ต้องรีบไปพูดจาทำความเข้าใจกับประชาชนให้ดี”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องถัดไปต้องช่วยกันดูแลป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพราะเป็นภัยกับความมั่นคง ดังนั้นต้องรณรงค์ทุกพื้นที่ ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกหมู่บ้านทุกครอบครัวให้ถือเป็นภาระหน้าที่ช่วยกันสอดส่องดูแลป้องกันไม่ให้ลูกหลานของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และถ้าใครเห็นเบาะแสก็แจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือแจ้งตรงมาที่รัฐบาลเราจะไปดำเนินการ นอกจากนี้จังหวัดต้องจัดกิจกรรมให้กับเยาวชนทั้งหลายเขาจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เขาจะได้ใช้พลังหนุ่มสาวไปในทางที่ถูกต้อง
“ผมยังได้อธิบายโครงการต่างๆที่รัฐบาลทำขึ้น ทั้งเรื่องเงินสองพันบาท ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีข่าวสับสันเราก็ต้องชี้แจง รวมทั้งเงินช่วยอสม.”นายสุเทพ กล่าว
รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวอีกว่า และที่พิเศษที่นครนายกคือที่นี่มีการก่อสร้างเขื่อนขุนด่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทางจังหวัดยังมีปัญหาที่เกี่ยวกับการให้บริการน้ำกับประชาชน เพราะจังหวัดต้องการทำโครงการคลองไส้ไก่ที่จะซอยเข้าแปลงไร่แปลงนาของประชาชน ซึ่งคนเห็นแล้วว่าแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ต้องการให้เขื่อนนี้แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และให้เกษตรกรได้ใช้น้ำทางการเกษตร แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหน่วยงานไหนไปสานต่อเราจึงอาสาว่าจะจัดการเรื่องงบประมาณสำหรับทำคลองไส้ไก่ให้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่าภาพรวมในการดูแลนายกในการการลงพื้นที่ที่ลพบุรีเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่ดูและฟังรายงานการดูแลนายกและรัฐมนตรีต่างๆในพื้นที่แต่ละจังหวัดทำได้ดี ก็ได้ดูแลไม่ให้ประชาชนกระทำการที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามว่าต้องนำกำลังทหารตำรวจลงไปสมทบอย่างนี้ทุกครั้งที่ลงพื้นที่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไมได้เอาไปสมทบจากที่ไหน เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ที่เขามีหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่าไม่มีผู้ว่าจังหวัดไหนบกพร่องใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่เห็น เมื่อถามว่าแล้วผู้ว่าจังหวัดลพบุรีต้องย้ายหรือไม่เพราะเห็นว่ายังมีการขว้างปาขวดน้ำ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าต้องขอความกรุณาสื่อช่วยรายงานข่าวให้ตรงหน่ย เพราะตนไม่ได้บอกว่ามีการขว้างปาแล้วต้องไปย้าย
“ผมเพียงแต่เรียนว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าฯและหัวหน้าตำรวจที่ต้องดูแล ทำหน้าที่ ไอ้กรณีที่มีการขว้างปาก็ต้องเอาผิดกับผู้ที่ขว้างปา”นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าเห็นผู้ว่าฯลพบุรีบอกว่ากลัวเลยต้องหาตัวคนขว้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่จริง ผู้ว่าไม่ได้กลัว เมื่อถามย้ำผู้ว่าฯพูดเองว่ากลัวถูกย้าย รองนายกฯ กล่าวว่า “เหรอครับ ผมไม่คิดว่าผู้ว่าฯพูดอย่างงั้น”
นอกจากนั้น นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่า เรียนแล้วว่าตนไม่พูดเรื่องคุณทักษิณอีกแล้ว เขาจะบอกยังไงตนก็ไม่สนใจ
เมื่อถามว่าการที่คุณทักษิณออกมาเขย่าบ่อยๆตามโปรแกรมที่กลุ่มคนเสื้อแดงจัดรัฐบาลจะทำยังไง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนก็จะทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของตน ไม่สนใจเรื่องคุณทักษิณ เมื่อถามย้ำว่าแต่การนำเสนอข่าวของคุณทักษิณก็บั่นทอนเสถียรภาพความมั่นใจต่อการทำงานของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสื่อ เมื่อถามว่าจะปล่อยให้โฟนอินไปอย่างนี้ตลอดหรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ก็เราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย
เมื่อถามว่าจะเป็นแรงกระเพื่อมต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ตนก็ทำงานของตนได้ตามปกติเรียบร้อย รัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนก็ทำงานได้เป็นปกติพี่น้องประชาชนก็จะได้เห็นความตั้งใจของเราในการที่จะทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
เมื่อถามว่าเห็นเคยบอกว่าไม่หวั่นไหว แต่ก็ให้นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกส่วนตัวของนายกฯออกมาตอบโต้ตลอดเวลา นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้สั่งการโฆษกส่วนตัวนายกฯ แต่ว่าการพูดจาในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ และเขาก็มีความคิดความเห็นถ้าเห็นว่าอะไรถูกต้องไม่ถูกต้องอย่างไรก็แสดงความคิดเห็นได้
เมื่อถามว่าการไม่ตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนโยบายหนึ่งของรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เปล่า
“ผมเองยังคิดว่าผมไม่เสียเวลากับเรื่องนี้ ผมอยากจะรีบทำงานที่ผมมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่า”นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามถึงการประสานกับประเทศฮ่องกงเพื่อส่งพ.ต.ท.ทักษิณกลับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ประสาน ต้องถามท่านอื่น เมื่อถามว่าใครทำหน้าที่ประสาน นายสุเทพ กล่าวว่า คนที่มีหน้าที่เขาก็ทำไปตามหน้าที่ ตนไม่ได้สั่ง ไม่ต้องสั่ง
เมื่อถามว่าถ้าทางฮ่องกงเขาส่งตัวกลับมาเราจะยินดีรับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “เอ๊า ก็ต้องรับอยู่แล้ว ขอให้ส่งมา”
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีความรุนแรงอยู่ทุกวันว่า เราก็จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ และในวันนี้ตนจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่จะปรับปรุงเรื่องกระบวนการยุติธรรม โดยมีแผนงานที่จะปรับปรุงเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ภาคใต้ โดยหลังประชุมตนจะเรียนให้ทราบ อย่างไรก็ตามหากหน่วยงานในพื้นที่มีข้อเรียกร้องอะไรก็ขอให้เสนอมาที่ตนได้ ตนจะพิจารณา
“แน่นอนว่าผมจะแก้ปัญหา เพราะถ้าแก้ได้เร็วกว่านี้ภายใน 3 วัน 7 วัน เดือนสองเดือนปัญหาคงไม่ตกมาถึงผมอยู่แล้ว ผมก็จะไปแก้และไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ครับ”นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าสังเกตหรือไม่ว่าตั้งแต่รัฐบาลเข้ามามีเหตุการณ์ทุกวัน นายสุเทพ ย้อนถามว่า “รัฐบาลเก่าไม่ฆ่ากันหรือครับ แล้วรัฐบาลช่วยฆ่าด้วยหรือเปล่าครับ การตั้งคำถามแบบนี้มันต้องคิดนะครับ” นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คนที่เป็นผู้ร้าย เขาก็พยายามที่จะทำของเขาไป เราก็พยายามจะปราบปรามไป รัฐบาลไม่ได้ไปร่วมกระบวนการฆ่ากับคนพวกนั้น เรามีหน้าที่ปกป้องผู้บริสุทธิ์ ปกป้องประชาชน เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป
เมื่อถามว่าการลงมือโหดร้ายมากขึ้นและเข้าไปในชุมชนแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องปราบปรามและป้องกันต่อไป เป็นหน้าที่ของเราที่เราต้องทำ
ส่วนกรณีการจับกุมผู้ดูแลเว็บประชาไทนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ ส่วนที่บอกว่าเป็นเรื่องเหตุผลของความมั่นคงนั้นตนก็ยังไม่ได้ดูในเรื่องนี้ ส่วนที่สมาคมสื่อบอกว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุตนก็จะรอให้สมาคมนักข่าวฯทำหนังสือมาตนจะดูว่าเป็นอย่างไร