รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เรียก ผบ.ทบ.-ผบ.ตร.ถกนอกวาระ ปัดหาแนวร่วมรับมือฝ่ายค้านป่วนเกมสภา ยันทหารช่วยเกมสภาไม่ได้ แจงหารือแก้ปัญหายาเสพติด ตั้ง กอ.รมน.ทำหน้าที่หน่วยปฏิบัติการ 1 ทำหน้าที่ประสานงานทุกฝ่าย มั่นใจไม่ทำเจ้าหน้าที่สับสน
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมนโยบายการปราบปรามยาเสพติดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ทั้งนี้ วาระประชุมเรื่องดังกล่าวไม่ได้ระบุในวาระงานของทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามนายสุเทพภายหลังการประชุมว่าวันนี้นึกอย่างไรถึงเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง เพราะฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายถึงต้องเรียกทหารมาประชุมใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวพร้อมหัวเราะว่า “ฝ่ายค้านอภิปรายแล้วทหารสู้ได้เหรอ ทหารจะมาช่วยได้เหรอ ไม่ใช่หรอกครับ”
จากนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นตามปฏิทินที่กำหนดไว้ก่อน คือตนรอให้เสร็จจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนก็จะได้มาประชุมเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด วันนี้ตนได้นัดหมายเจ้ากระทรวงต่างๆและหัวหน้าผู้บริหารงานในหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องยาเสพติดมาประชุมร่วมกัน มีตั้งแต่ รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย รมว.ศึกษาธิการ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รมว.ยุติธรรม รมว.สาธารณสุข เลขาธิการสำนักงานปราบปรามยาเสพติด ผบ.ตร. ผบ.ทบ. มีทุกฝ่าย
“เหตุที่ต้องระดมทุกฝ่ายมาประชุมร่วมกันเพราะว่ารัฐบาลเห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาคุกคามประเทศ เป็นปัญหาที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย ต่อคนไทย ต่อชาติไทย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องบูรณาการการปฏิบัติการของทุกองค์กร ทุกภาคส่วนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเพราะว่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดมากมาย แต่ขาดการประสานงาน ขาดการรวมศูนย์สั่งการปฏิบัติการต่างๆ ที่ดี เพราะฉะนั้น มาในรัฐบาลนี้เราจึงได้บูรณาการการปฏิบัติการเข้าด้วยกัน โดยยึดหลักว่าเราเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย เป็นนิติรัฐ ใช้นิติธรรมในการแก้ไขปัญหา ถ้าเราสามารถที่จะรวบรวมเอาองค์กร ส่วนราชการต่างๆ เข้ามาทำงานร่วมกันอย่างมีระบบ เราก็สามารถใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ได้ ใช้กฎหมายแก้ปัญหาให้ประเทศชาติให้ประชาชนได้
“ในชั้นนี้ได้ตกลงกันว่าเราจะใช้ศูนย์ประสานการปฏิบัติในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) คือศูนย์การปฏิบัติที่ 1 เป็นศูนย์กลางในการประสานงานในแผนปฏิบัติการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตั้งแต่การป้องกันที่ชายแดน กวาดล้างที่ชายแดน จัดการกับระบบการขนส่ง เข้ามาตรวจสอบจับกุมผู้ค้าเครือข่ายลงไปจนถึงการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ติดยา ทุกอย่างจะเข้ามาทำงานอย่างสอดประสานกัน ทุกภาคส่วน โดยตัวผมเองและผู้ที่เข้าร่วมประชุมก็จะเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายปราบปรามยาเสพติด แล้วก็เป็นคณะกรรมการนโยบายใหญ่ ซึ่งกำกับศูนย์ปฏิบัติการที่ 1 ใน กอ.รมน.” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วใครดูแลสั่งการ นายสุเทพ กล่าวว่า คนที่รับผิดชอบสั่งการใหญ่คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รองลงมาคือตน เมื่อถามว่า จากนี้ กอ.รมน.จะเป็นผู้สั่งการใหญ่ไม่ใช่ ป.ป.ส.ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งตนต้องอธิบายยาวสักนิดหนึ่ง ผู้สื่อข่าวสวนขึ้นมาว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ผู้ปฏิบัติจะไม่งงแย่หรือ นายสุเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่งง “ถ้าพี่ใจเย็น ผมก็จะเรียนอย่างนี้ ว่าใน กอ.รมน.มีศูนย์ปฏิบัติการอยู่หลายศูนย์ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันไป ซึ่งศูนย์ปฏิบัติประสานการปฏิบัติงานที่ 1 จะทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องยาเสพติด คนที่เป็นเลขาธิการใหญ่หรือหัวหน้าใหญ่ของศูนย์คือเลขาธิการปปส. ไม่ใช่ทหารยศนายพลนายพันอะไรทั้งสิ้น แต่ว่าศูนย์นี้จะทำงานภายใต้กรอบนโยบายของรัฐบาลที่มีตนเป็นหัวหน้าคณะประกอบกับทุกคนที่มาประชุมกับตน ที่เป็นผู้ร่วมกันกำหนดนโยบาย
“เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่จะเป็นความสับสนวุ่นวายเรื่องของเจ้าหน้าที่เลย ตำรวจก็ดี ทหารก็ดี ป.ป.ส.ก็ดี กระทรวงมหาดไทยก็ดี ต่อไปนี้ก็จะทำงานซึ่งเคยทำอยู่แล้ว แต่ต่อไปนี้จะทำภายใต้การประสานงานสอดคล้องกันโดยผู้ประสานงานคือศูนย์นี้ ท่านนายกฯ ก็เป็นอำนวยการใหญ่ เป็นหัวหน้าใหญ่ในระดับประเทศ ในระดับจังหวัดก็เป็นผู้ว่าฯ สามารถสั่งการได้หมดทั้งตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. ปปง. ครู ทุกฝ่าย”นายสุเทพ กล่าวอธิบาย
เมื่อถามว่าเป้าหมายหลักของรัฐบาลคืออะไร นายสุเทพกล่าวว่า ต้องให้ประชาชนคนไทยรอดพ้นจากพิษภัยของยาเสพติดโดยเร็ว และต้องเป็นไปโดยพื้นฐานของการบังคับใช้กฎหมายที่ถูกต้อง ไม่มีการอุ้มฆ่า ไม่มีการฆ่าตัดตอน อย่างไรก็ตามกรอบการทำงานต้องกว้าง เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย เพราะจากการพบเอกอัคราชทูตอเมริกาฯ เขาก็กังวลใจกับปัญหายาเสพติดภายในประเทศของเขาเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ผู้เสพยังเป็นผู้ป่วยเหมือนเดิมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เหมือนเดิม เราจะปฏิบัติกับผู้เสพเหมือนเดิม เอามาบำบัดฟื้นฟูรักษา ให้เขากลับไปอยู่ในสังคมได้เหมือนเดิมประกอบอาชีพเหมือนคนปกติ ทั้งนี้ตนคิดว่าปัญหายาเสพติดรุนแรง แต่ว่ามากขึ้นหรือน้อยลงยังดูยากอยู่ แต่เราถือว่าปัญหาถือว่าคุกคามกับความมั่นคงของประเทศไทย จึงต้องยกระดับความสำคัญขึ้นมา โดยต้องระดมเอาทุกภาคส่วนเข้ามาจัดการ ถ้าขืนปล่อยให้ปัญหาขยายตัวกว้างขวางบ้านเมืองเราย่ำแย่เรายอมไม่ได้
เมื่อถามว่าปัญหาที่เรื้อรังมานานเพราะเจ้าหน้าที่รัฐเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง นายสุเทพกล่าวว่า เจ้าหน้าที่คนไหนเข้าไปเกี่ยวข้องเราก็ไปจัดการ เพราะเรามีกฎหมายจัดการ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีโทษมากกว่าคนอื่น ขอให้ได้สบายใจว่ารัฐบาลชุดนี้เอาจริงกับเรื่องยาเสพติด แต่ว่าการเอาจริงของรัฐบาลจะทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย บนกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง แต่ไม่ว่าย่นย่อให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้สื่อข่าวได้บอกนายสุเทพว่าขอถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ยืนฟังนายสุเทพสัมภาษณ์อยู่ด้านหลังได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “คุยได้เหมือนกัน แต่ว่าห้ามถามเรื่องการเมือง ถามเรื่องยาเสพติดได้” จากนั้นนายสุเทพได้หันไปบอก พล.อ.อนุพงษ์ว่า “ท่าน ผบ.ตอบคำถามเขาหน่อย เขาอยากคุยกับท่าน เขาคงเห็นท่านหล่อกว่าผมนะสงสัย”
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า นโยบายของรัฐบาลไม่ได้ทำให้เกิดความสับสนกับของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ส่วนเรื่องการเพิ่มกำลังพิเศษในการสกัดกั้นยาเสพติดในส่วนของกองทัพนั้นก็มีการพิจารณาเรื่องนี้เช่นกัน แต่การที่จะตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมาใหม่คงไม่ทันและเสียงบประมาณ เพราะขณะนี้มีทั้งทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนและภูธรอยู่ในพื้นที่แล้ว
