“สนธิ” ชี้ “มติชน” ตัวดีปล่อยข่าวรัฐบาลอังกฤษคืนวีซ่า “แม้ว” จวกรับใช้ระบอบทักษิณไม่เคยหยุด ทั้งผู้ถือหุ้น-ผู้บริหารล้วนใกล้ชิด “สมุนแม้ว” ระบุโทษ “ใจ” ไม่ควรแค่ให้ลาออกจากจุฬาฯ แต่ถึงขั้นเป็นกบฏ เหตุแถลงการณ์สยามแดงปลุกตั้งสาธารณรัฐ แนะ “เรืองไกร” ตรวจสอบเรื่องใหญ่ “ภักดี โพธิศิริ” ป.ป.ช.ดองคดีทุจริตสุวรรณภูมิ เชื่อคดีละเมิดสิทธิฯ ยุคแม้ว โดนเปิดโปงในยุคมาร์คแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการ
เมื่อเวลา 06.00-07.00 น.วันนี้ (4 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน โดยเช้าวันนี้มีประเด็นข่าวที่น่าสนใจหลายเรื่อง เริ่มจากกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลอังกฤษได้คืนวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่อยู่ระหว่างการหลบหนีโทษจำคุกอยู่ต่างประเทศ ซึ่งนายสนธิระบุว่าเป็นการปล่อยข่าวจากคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเอง และวานนี้ นายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยได้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีน้ำหนัก ถ้าอยากรู้ว่าข่าวนี้มาจากไหนให้ไปถามหนังสือพิมพ์มติชนเอง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ข่าวนี้สะท้อนว่าหนังสือพิมพ์ในเครือมติชนเป็นสื่อที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยก่อนหน้านี้ได้นำเสนอข่าวให้กับระบอบทักษิณมาตลอด ตั้งแต่ปี 2549 หนังสือพิมพ์มติชนรายสัปดาห์ ได้นำเรื่องการล้มสถาบันกษัตริย์เนปาลมาขึ้นปกและพาดหัวว่า “กรณีศึกษา” เหมือนกับเจตนาจะสื่อว่าให้ศึกษาไว้เพราะเมืองไทยก็จะเป็นอย่างนี้ นอกจากนี้เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีปฎิญญาฟินแลนด์ มติชนสุดสัปดาห์ก็นำมาเขียนให้เป็นเรื่องตลก
แต่หลังจากนั้นเครือมติชนยังนำเสนอข่าวรับใช้ระบอบทักษิณต่อเนื่อง เมื่อเดือนที่แล้ว หนังสือพิมพ์ข่าวสดได้เอาผลตรวจสอบเสื้อผ้าน้องโบว์โดยตำรวจซึ่งพบสารซีโฟร์ ซึ่งตรวจตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.51 มาเผยแพร่ใหม่ ทำให้เข้าใจผิเดว่าน้องโบว์เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 เพราะระเบิดที่เอามาเอง ไม่ใช่ระเบิดจากตำรวจ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแม่น้องโบว์เพิ่งจะถอนฟ้อง พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่บอกว่าน้องโบว์หนีบระเบิดมาเอง เพราะไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ และแลกกับคำกล่าวเสียใจของ พล.ต.ท.สุรพล แล้วพอหนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ เอาข้อเท็จจริงการตรวจสอบการเสียชีวิตของน้องโบว์มาเผยแพร่ ข่าวสดก็เงียบ ไม่พูดอะไรเลย
นอกจากนี้ ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หนังสือพิมพ์ข่าวสดก็พาดหัวข่าวว่า นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ “ตี๋” ศิลปินพันธมิตรฯ ที่ถูกระเบิดแขนขวาขาดว่าในมืออีกข้างกำลังกำระเบิด ทั้งที่จริงแล้วคือกรอบพระ ข่าวสดก็ไม่ยอมแก้ข่าว ด้วยเหตุนี้ “ตี๋ ชิงชัย” จึงฟ้องหนังสือพิมพ์ข่าวสด และตำรวจ และจะไม่ถอนฟ้องแน่นอน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ข่าวสดยังเป็นฉบับเดียวที่เอารายชื่อ 21 พันธมิตรฯ ที่จะถูกออกหมายจับมาเผยแพร่ก่อน ทั้งนี้เพราะผู้บริหารของเครือมติชนมีความใกล้ชิดกับคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่นอกจากนายขรรค์ชัย บุนปาน แล้วยังมีนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋ เป็นคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนบรรณาธิการ คือ นายเสถียร จันทิมาธร ก็เคยเข้าป่าร่วมกับพวกฝ่ายซ้ายที่อยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
ชี้ “ใจ” ต้องโดนข้อหากบฏ
ต่อมานายสนธิ กล่าวถึงข่าวที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอนุมัติใบลาออกจากการเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ของนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและหนีไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษว่า อยากจะให้ทางจุฬาฯ ได้คิดสักนิดว่า การที่นายใจออกแถลงการณ์สยามแดงโดยมีเนื้อหาต้องการให้เปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณรัฐนั้น ไม่ใช่แค่ให้ลาออก แต่ต้องถือว่านายใจเป็นกบฏ เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
นอกจากนี้ อยากบอกไปถึงบางคนที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นเสรีภาพทางวิชาการว่า เสรีภาพทางวิชาการนั้นต้องอยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องของสังคม เราอยู่ในระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปัตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าคุณไม่ยอมรับคุณก็ต้องเป้นกบฏ ซึ่งสังคมไทยนั้นเป็นสังคมที่มีพระมหากษัตริย์ปกครองมายาวนาน และอยู่กันด้วยหลักศาสนาพุทธ มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสมภารใหญ่ เพราะพระองค์เป็นพุทธมามกะ ถ้าคุณเป็นคนไทยคุณต้องยอมรับหลักการนี้
บอร์ดใหม่แบงก์ชาติ ล้างบางระบอบทักษิณแน่
ต่อมา นายสนธิกล่าวถึงข่าวที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือหม่อมเต่า เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ว่าเป็นการตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างบางบอร์ดชุดเก่าที่ตั้งขึ้นในสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ที่จะทำความฉิบหายให้กับแบงก์ ซึ่ง ม.ร.ว.จัตุมงคลนั้น เป็นคนปากกับใจตรงกัน อาจจะพูดไม่เพราะบ้างแต่เป็นคนตรงไปตรงมา และเชื่อว่าจะล้างบางบอร์ดที่แต่งตั้งโดยอำนาจเก่าอย่างแน่นอน
แนะ “เรืองไกร” ตรวจสอบ “ภักดี โพธิศิริ” ดองคดีทุจริตสุวรรณภูมิ
นายสนธิยังได้กล่าวถึงการถอดถอนอดีต ครม.สมัยรัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช ข้อหากระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กรณีการออกมติ ครม.สนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่ง น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ได้สรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ ครม.ทั้ง 28 คนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เสนอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่ติดใจแก้ข้อกล่าวหา เพราะคงจะปลงแล้ว เนื่องจากอายุมากแล้วและกำลังป่วยอยู่ อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่สนใจ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่ ป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) 4-5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับรองการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารดังกล่าว เพราะรัฐมนตรีบางคนได้ซัดทอดว่าทำไมข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จึงไม่มีความผิด ซึ่งการที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหากับข้าราชการประจำ แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ พูดไว้บนเวทีปราศรัย เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นถูกต้อง และที่พันธมิตรฯ พูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง ซึ่งบางเรื่องอาจจะใช้เวลานานหน่อย โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ก็ทำงานแบบราชการ และมีความล่าช้า แต่นั่นก็เป็นขั้นตอนและวิธีการทำงานของ ป.ป.ช.
นายสนธิ กล่าวต่อว่า งานของ ป.ป.ช.ส่วนที่สมควรตำหนิคืองานในความรับผิดชอบของนายภักดี โพธิศิริ ซึ่งเป็นคดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีการร้องเรียนไว้ 2 ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าแม้แต่เรื่องเดียว เรื่องนี้มีความน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมนายภักดีจึงนั่งทับเรื่องเอาไว้ ขณะที่ ป.ป.ช.คนอื่นๆ ต่างก็มีผลงานออกมา น.ส.สมลักษณ์ก็มีแล้ว นายวิชัย วิวิตเสวีก็มีแล้ว นายวิชา มหาคุณ ก็กำลังจะชี้เรื่องตำรวจ แต่นายภักดีไม่มีผลงานแม้แต่เรื่องเดียว มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะนายภักดี ซึ่งเคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และมีความสนิทสนมอย่างมากๆ กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ใช่หรือไม่
นายสนธิยังกล่าวฝากไปถึง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาที่ขยันตรวจสอบนักการเมืองเหลือเกิน ให้ช่วยตรวจสอบนายภักดี โพธิศิริด้วย อย่ามัวไปตรวจสอบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตรวจสอบทรัพย์สินนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ตรวจสอบเรื่องภรรยานายกรณ์ จาติกวณิช ใช้บัตรเครดิต 2 แสนบาท แล้วไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งไม่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีสาระ แต่ว่าเป็นเรื่องที่เล็กเกินไป และอาจทำให้เกิดความรำคาญ จึงอยากจะให้ตรวจสอบเรื่องใหญ่ๆ เช่นเดียวกับที่เครือข่ายผู้บริโภคได้ฟ้องทวงคืนทรัพย์สินของ ปตท.จะดีกว่า ดังนั้นจึงอยากให้นายเรืองไกรไปตรวจสอบนายภักดีจะดีกว่า
“น้ำลดตอผุด” คดีละเมิดสิทธิยุค “แม้ว” ถูกเปิดโปงแน่
นายสนธิยังได้กล่าวถึงการเปิดเผยบันทึกของรัฐบาลสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เกี่ยวกับมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีอย่างล้นหลามในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนว่า เป็นกรณีน้ำลดตอผุด เรื่องบางเรื่องที่เคยถูกปกปิดไว้ในรัฐบาลชุดก่อนก็จะถูกเปิดเผยออกมาในรัฐบาลนี้ เหมือนในประเทศไทย เรื่องที่เคยถูกปกปิดไว้ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะถูกเปิดเผยออกมาในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เช่น กรณีการอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร การฆ่าชิปปิ้งหมู ที่เคยถูกสั่งหยุดทำคดี ก็จะถูกเปิดเผยออกมาในรัฐบาลชุดนี้