รองโฆษกรัฐบาลระบุเป็เรื่องที่น่ายินดี “ทักษิณ” เดินทางเข้าประเทศอังกฤษ เชื่อเจ้าหน้าที่ติดตามตัวกลับง่ายขึ้น เพราะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ลั่นมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมต้องเท่าเทียมกันไม่ว่าเศรษฐี-ยาจก
วันนี้ (3 ก.พ.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเดินทางไปประเทศอังกฤษว่า รัฐบาลถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีที่อยู่ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติทั้งอัยการ ตำรวจ และผู้ที่รับผิดชอบในการควบคุมติดตามตัวที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ชัดเจนว่าไปอยู่ประเทศอังกฤษ และเดินทางไปถึงเมื่อไหร่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชัดเจนหรือไม่ว่าสถานทูตอังกฤษได้คืนวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของประเทศอังกฤษว่าจะคืนวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงหรือไม่ แต่ดูว่าผลสุดท้ายหากเดินทางไปยังประเทศอังกฤษจริงจะเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากการทำงานของเจ้าหน้าที่จะง่ายขึ้น เพราะไทยและอังกฤษมีข้อตกลงในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย เจ้าหน้าที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น เมื่อถามว่าได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปรอที่ประเทศอังกฤษหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดำเนินการอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ได้ไปเร่งดำเนินการอะไร เพียงแต่ต้องการทำให้เห็นว่าผู้ที่หลบหนีคดีไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน กระบวนการต้องเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น ทางสังคมต่อกระบวนการยุติธรรมที่ว่าถ้าผู้ใดมีฐานะดีเดินทางไปต่างประเทศแล้วจะไม่ถูกดำเนินคดี เรื่องนี้รัฐบาลมีความกังวล ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เชื่อว่าต้องดำเนินการ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษอย่างถูกต้องก็ไม่เป็นไร
เมื่อถามว่า ทางการข่าวมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในช่วงการติดตามข้อเท็จจริง รัฐบาลไม่เน้นเรื่องนี้เป็นสาระสำคัญเนื่องจากมีเรื่องอื่นอีกมากที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไข หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศอังกฤษจริง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติก็ต้องดำเนินการรวบตัว เพราะหากไม่ปฏิบัติก็ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนได้เห็นข่าวออกมารู้สึกสบายใจมากขึ้น เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกขึ้น
เมื่อถามว่า การมาแถลงข่าวถือเป็นนโยบายเชิงรุกของรัฐบาลหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ และมีการสอบถามมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นไปเฉพาะตัว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในทุกคดี ส่วนคดีของนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดีธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ หรือบีบีซีนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่นั้นๆที่รับผิดชอบคดี เป็นผู้ชี้แจงกับสังคมว่า มีความล่าช้าเพราะอะไร ติดขัดปัญหาอุปสรรคที่ใด เพราะถือว่าเป็นคดีของบุคคลที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้รัฐบาลวิ่งตาม พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เราไม่ได้ให้ความสำคัญมาก เพียงแต่เรื่องนี้มีกระแสข่าวออกมามาก เราพยายามอธิบาย ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในแนวทางปฏิบัติของข้าราชการเท่านั้น อีกทั้งไม่อยากให้ประชาชนหวั่นไหวว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีที่มีฐานะดี ถูกละเว้นการดำเนินการตามกฎหมาย นั่นคือสิ่งที่เรากังวล
