เรียกได้ว่ากระทบไหล่ผู้นำระดับโลก ระดับอินเตอร์เป็นว่าเล่น ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีแค่ไม่ถึง 3 เดือนดีนัก ได้โชว์วิสัยทัศน์ สปีดภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำให้แม่ยกได้กรี๊ดกันอยู่ตลอดเวลา เป็นใครก็ต้องอิจฉากันมั่งละ
ถ้าบอกว่าการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 1 มีนาคม 2552 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” อันสำคัญอีกครั้งสำหรับคนชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อกว่าสองเดือนก่อนได้รับการโหวตขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีคนนี้ได้สร้างภาวะผู้นำในเวทีนานาชาติ และยิ่งการประชุมดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น ก็ยิ่งได้รับการจับตามองด้วยความสนใจ
เท่านั้นยังไม่พอในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมกลุ่ม จี 20 ในวันที่ 2 เมษายนที่กรุงลอนดอน อังกฤษ และเมื่อกลับมานั่งก้นไม่ทันร้อนก็ต้องเป็นเจ้าภาพสุดยอดผู้นำอาเซียนบวก 3 คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในกลางเดือนเดียวกันอีก
เรียกได้ว่ากระทบไหล่ผู้นำระดับโลก ระดับอินเตอร์เป็นว่าเล่น ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีแค่ไม่ถึง 3 เดือนดีนัก ได้โชว์วิสัยทัศน์ สปีดภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำให้แม่ยกได้กรี๊ดกันอยู่ตลอดเวลา เป็นใครก็ต้องอิจฉากันมั่งละ
ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองอีกฟากหนึ่งในมุมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภาพที่ออกมาช่างตัดกันอย่างสิ้นเชิง นับวันยิ่งออกมาในเชิงลบออกมาเรื่อยๆ
เพราะที่ผ่านมารับรู้กันในทางสาธารณะและหลายคนตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า มีความพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อขัดขวางไม่ให้เกิดการประชุม หรือถ้ามีก็ต้องไม่ราบรื่นอะไรประมาณนี้
บังเอิญว่าในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็มีการชุมนุมของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” กลุ่มคนรักทักษิณ ผุดขึ้นมา แต่อาจจะเป็นด้วยหลายเหตุผลทั้งคนที่เข้าร่วมมีจำนวนน้อยนิด หรือชาวบ้านไม่มีอารมณ์ร่วมก็สุดจะเดา จนทำให้ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านอย่างกะทันหัน
ถัดมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็มีความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าได้รับเชิญจากสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกงให้ไปปาฐกถาพิเศษเสียอีก หากคิดมากก็ต้องปะติดปะต่อ มองไปว่านี่เป็นแผนเพื่อช่วงชิงพื้นที่ข่าวทางสื่อ เพื่อลดกระแสการประชุมอาเซียน
แต่จะด้วยความขัดข้องทางเทคนิกตามที่ประธานสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกงอ้างหรือเหตุผลด้านการเมืองที่ทางการจีนรู้สึกอึดอัดรำคาญกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ทำให้ไม่อาจเดินทางเข้าฮ่องกง จนกระทั่งล่าสุดแม้กระทั่งจะใช้วิธีโฟนอิน หรือวิธีวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ก็ยังทำไม่ได้ ทุกอย่างติดขัดไปเสียหมด
ตรงกันข้ามกับฟาก อภิสิทธิ์ ที่แม้จะมีอุปสรรคในช่วงแรกๆ แต่เมื่อผ่านไปไม่นานกลับทำท่าวิ่งฉิว ทะยานไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เมื่อรู้ว่าผลจะออกมาในทางบวก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “บางคน” จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง หรือกลบข่าวประชุมสุดยอดอาเซียนให้ได้
แม้ว่าล่าสุดจะพยายามดิ้นรนสร้างกระแสกันอีกเฮือกยังใช้มุกเดิมนั่นคือใช้วิธีโฟนอินตามเวที “ม็อบเสื้อแดง” ในหลายจังหวัดที่มีกำหนดจะเดินสายภายในเดือนนี้
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีก็กำลังจะเริ่มลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน โดยเฉพาะระดับ “รากหญ้า”
ประกอบกับนโยบายเร่งด่วนเริ่มจับต้องได้ ทั้งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินช่วยเหลือ 2 พันบาท แจกอุปกรณ์เรียนฟรี เงินเดือนอสม. ขึ้นเงินเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เริ่มทยอยถึงมือตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป รับรองไม่ใครก็ใครต้องหวั่นไหวกันบ้างละ
ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นช่างเป็นภาพที่ตัดกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำลังทะยานไปข้างหน้าทุกนาที กับอีกด้านหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นับวันกำลังถูกโลกตีวงล้อมจนไม่มีที่ยืนเข้าไปทุกทีแล้ว!!
