“อภิสิทธิ์” ยอมรับปัญหากองทุนฟื้นฟูฯ ยืดเยื้อ 4-5 ปี แก้ยาก เผยแตกแยกถึงขั้นแบ่ง 2 ฝ่าย ชี้ เปลี่ยนตัวเลขากองทุน ตามใจชอบไม่ได้
วันนี้ (18 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงม็อบเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯมาชุมนุมยืดเยื้อบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า กลุ่มที่มาเคลื่อนไหวมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีหนี้สินที่กองทุนฟื้นฟูฯรับโอนหนี้จากธนาคารเพื่อการเกษตรฯ (ธ.ก.ส.) และธนาคารอื่นๆ โดยทำหน้าที่รับโอนหนี้จากธนาคารต่างๆ ตามเงื่อนไขต่างๆ กลุ่มนี้ถือเป็นพวกที่ยอมรับในมติ ครม.ในหลักการ ส่วนวิธีการจะดำเนินการอย่างไร อยู่ที่มติ ครม.แม้ว่าจะมีบางส่วนถูกใจ และไม่ถูกใจ
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่พอใจกับการทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ และไม่มีความเชื่อถือในการทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ กลุ่มนี้ตนได้พบเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา และมติ ครม.มีการอนุมัติให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ วางกลไกในการตรวจสอบเนื่องจากกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของกองทุนฟื้นฟูฯ มีการแจ้งว่า มีสมาชิกหลายคนของกองทุนฟื้นฟูสมควรได้รับการช่วยเหลือแต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่คนที่ไม่ควรได้กลับถูกใส่ชื่อเข้ามา จึงมีการกล่าวหาว่า การทำงานกองทุนไม่โปร่งใส่ จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ถูกฟ้องร้องเรื่องศาลปกครองอยู่ ซึ่งตนได้ระบุแล้วว่า ตำแหน่งเลขาฯ หรือกรรมการตามกฎหมาย ตนไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ตามใจชอบมีหลักเกณฑ์อยู่ ต้องรอให้ศาลชี้ชัดว่าสามารถทำหน้าที่ได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่า ปัญหานี้แตกแยกในกองทุนฟื้นฟูฯมาตั้งแต่ 4-5 ปี มาแล้ว ไม่สามารถบังคับการเข้าเป็นสมาชิกหรือไม่ เป็นเรื่องการบริหารงานภายในกองทุนฯ และมีการทำงานมวลชนแยกกันอีก
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา กองทุนฟื้นฟูฯ ถูกมองว่า เป็นกองทุนที่แสวงหาผลประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 8-10 ปีมาแล้ว ผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะตอนที่ทำเรื่องนี้มาไม่คิดว่าจะยืดเยื้อเรื้อรังขนาดนี้ คณะผู้บริหารชุดดังกล่าวเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปี การจะไปสรุปบอกว่าทำงานล้มเหลวก็ไม่ได้ ซึ่งตนได้คุยกับคณะทำงานแล้ว พบว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานโดยจะทำให้การฟื้นฟูทำงานได้มากขึ้น
