“อภิสิทธิ์” พร้อมคณะถึงญี่ปุ่น ปฏิบัติภารกิจแรกแจงแนวทางพลิกฟื้นประเทศ มอบ “ทีมไทยแลนด์” ช่วยทำความเข้าใจต่างชาติ เชื่อมาตรการต่างๆ เห็นผลภายใน 9 เดือนแรกของปีนี้
วันที่ 5 ก.พ. เวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุคคลสำคัญในรัฐบาล เดินทางถึงท่าอากาศยานนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมอิมพีเรียล ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักเพื่อมอบนโยบายทีมประเทศไทย
เวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พบปะและให้นโยบายทีมประเทศไทยในโตเกียว โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้นโยบายและแนวทางการดำเนินการของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการดำเนินงานในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาของรัฐบาล ในด้านการแก้ปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจว่า ไทยประสบปัญหาด้านภาพลักษณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเมือง แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งดำเนินการการสร้างความสมานฉันท์ ทำให้ปัญหาทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง และเริ่มมีเสถียรภาพ รัฐบาลสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้ แม้ว่าจะยังไม่ราบรื่นนัก โดยข้อตกลงต่างๆ ที่จะลงนามในการประชุมอาเซียนซัมมิต ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา รวมถึงการผ่านร่างงบประมาณกลางปีในวาระที่ 1 เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ แม้จะมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่รัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เพื่อป้องกันการเกิดความสูญเสีย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการเดินหน้าสะสางคดีความต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาด้วย
ส่วนการรับมือปัญหาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รัฐบาลได้ออกนโยบายและมาตรการที่ครบถ้วนในทุกเครื่องมือที่มีอยู่ เช่น การบริหารงานงบประมาณ แต่จะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบในด้านโครงสร้างงบประมาณ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการเพื่อให้งบประมาณถึงประชาชนโดยเร็วที่สุด เช่น การฝึกอบรม งบช่วยเหลือผู้สูงอายุ และโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก ในด้านการเงินการคลัง ได้มีการพูดคุยกับการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกัน แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของธนาคารฯ ในด้านมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว รัฐบาลออกมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เช่น การยกเว้นค่าวีซ่า การลดค่าจอดสนามบินลงร้อยละ 50 เป็นเวลา 1 ปี และการจัดสรรงบประมาณเพื่ออบรมสัมมนาของข้าราชการในประเทศ
ในด้านการส่งออก ได้ออกมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก การเจาะตลาดใหม่ๆ และการสำรวจมาตรการและความต้องการของประเทศคู่ค้า เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ให้สอดรับกัน ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ออกมาของรัฐบาลจะเห็นผลใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งรัฐบาลจะได้ติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด โดยทีมประเทศไทยจะเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานให้บรรลุผล โดยมีการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพด้วย