“อภิสิทธิ์” เชื่อปัญหาเขาพระวิหารยืดเยื้อ ยังคงต้องยึดหลักการเจรจาเพราะจะผลถึงสิทธิที่จะตามมาภายหลัง ยืนยันจะไม่ล้มโต๊ะเจรจา ด้าน “กษิต” รับลูกโยนกลาโหม-เจบีซีเป็นหน้าเสื่อยึดเจรจาสันติวิธี
วันนี้ (5 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเขาพระวิหาร ที่ล่าสุดมีการเถียงกันเรื่องชื่อและกัมพูชา เรียกร้องให้ถอนทหารไทยออกจากพื้นที่ว่า เป็นเรื่องที่เราทราบดีว่ามีปัญหาประเด็นความละเอียดอ่อนของทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องเจรจากันต่อไป เพราะถ้าเรื่องเหล่านี้ยุติได้ง่ายเราคงไม่ต้องเจรจากันต่อเนื่อง จึงถือเป็นเรื่องปกติที่ปัญหายังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากยังมีจุดความเห็นที่แตกต่างระหว่างกันจึงต้องเจรจา แต่เชื่อว่าจะมีทางออก คณะผู้เจรจาก็ต้องทำงานต่อไป และตนไม่คิดว่าจะต้องแก้กรอบในการเจรจาแต่อย่างใด สำหรับปัญหาในเรื่องของชื่อที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันนั้น เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าเป็นประเด็นใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ยังหาข้อยุติไม่ได้เสียที เพราะเรื่องชื่อทั้ง 2 ฝ่ายก็มีความกังวลว่าหากใช้ชื่อทางใดทางหนึ่งจะส่งผลต่อเรื่องของสิทธิที่จะตามมา จึงไม่ใช่เป็นแค่ปัญหาที่ชื่อเท่านั้น
“ขอให้การเจรจาอยู่ในบรรยากาศและจิตวิญญาณของการแก้ปัญหาบนพื้นฐานแห่งความสันติ อาจจะต้องใช้เวลาบ้างก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่เจรจากัน แล้วใช้วิธีอื่น รัฐบาล 2 ประเทศยืนยันว่า ถ้ายังตกลงไม่ได้จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ในการเจรจาก็ไม่มีปัญหา ดีกว่าที่จะล้มโต๊ะแล้วไปแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ตราบใดที่ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะก็ถือว่าใช้ได้ ขณะนี้เราก็พยายามหาทางออกกันทุกทาง”
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกปัญหาเขาพระวิหารมาโจมตี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายยังเหมือนเดิม แต่ปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้เพราะมีการไปดำเนินการ ในเรื่องการออกแถลงการณ์ที่ขัดรัฐธรรมนูญจนต้องมีการยกเลิก จึงเป็นปัญหาอยู่ แต่จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ยังเหมือนเดิม และไม่ใช่จุดยืนทีฝ่ายค้านจะมายัดเยียดให้ เช่นเอาข้อมูลผิดๆ มาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า ที่ดินใต้ปราสาทเป็นของไทย ยืนยันว่าเราไม่เคยพูด หรือกล่าวหาว่าเราจะไปทวงคืนวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ใช่ ตนเพียงแต่บอกว่ารัฐบาลในอดีตได้สงวนสิทธิไว้ และบทบัญญัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับศาลโลกก็มีการกำหนดไว้ว่า หากมีข้อมูลใหม่ก็สามารถหยิบยกขึ้นมาได้ ดังนั้นถ้าฝ่ายค้านไม่ไปบิดเบือนก็ไม่เป็นปัญหา
เมื่อถามว่าแต่ทางการกัมพูชาเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลโลกให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบก็มีกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในกรอบการเจรจา ซึ่งขณะนี้กำลังเดินหน้าอยู่ แต่ต้องยอมรับว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ขอให้ 2 ฝ่ายยืนยันในการเจรจาก็เป็นอันใช้ได้ และตนยังยืนยันว่าจะหาทางใช้รูปแบบการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหา
ด้าน นายกษิต ภิรมย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ซึ่งอีก 2-3 วัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะได้เดินทางไปที่กัมพูชาก็คงจะมีการพูดคุยกัน ส่วนที่คณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา (เจบีซี) หารือไม่ได้ข้อสรุปนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะการเจรจาปัญหาชายแดนก็ต้องใช้เวลา และหารือกันได้เรื่อยๆ ส่วนเรื่องชื่อที่ทางกัมพูชายืนยันว่าจะให้ไปใช้ชื่อว่า “เปรี๊ยะวิเฮีย” แทน “เขาพระวิหาร” นั้นก็ไม่เป็นไร และเรื่องนี้คงต้องไปถามนายวศิน ธีรเวชญาณ หัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายไทย สำหรับตนยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย เพราะยังไม่ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าเรื่องเขาพระวิหารไม่มีปัญหา เรื่องนี้จะต้องเดินหน้าเจรจาไปเรื่อยๆ
