“บุญยอด” ย้อนเหตุการณ์ “สุนัย” เม้งแตก หลังลุกขึ้นชี้แจงกรณีนับองค์ประชุมแทงใจดำ เผยหากเจอจะมองผ่านเป็นอากาศธาตุ เพราะไม่มีอะไรจะคุย เชื่อฝ่ายค้านยังเดินเกมป่วนทั้งในสภา-นอกสภาต่อ ทั้งที่เคยด่า ปชป.เรื่องเดียวกัน ระบุข้อเรียกร้องกลุ่มเสื้อแดงไร้เหตุผล หากยุบสภาตอนนี้ ปชป.ได้เปรียบทุกพรรคด้วยซ้ำ เชื่อแรงกดัน “กษิต” ลดลง หลังต่างชาติยอมรับมากขึ้น
คลิก! ฟังเสียง"บุญยอด สุขถิ่นไทย-อัญชะลี ไพรีรัก"=>
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างร่วมรายการ “จับตา(ย)” ดำเนินรายการโดย นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ออกอากาศทางเอเอสทีวี เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงกรณีการลุกขึ้นตอบโต้นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าเป็นสุนัขรับใช้ทรราช หลังจากนายสุนัยกล่าวหาว่าเขาเป็นนักข่าวเผด็จการ ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ต้นเหตุมาจากการนับองค์ประชุมที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านใช้วิธีการนับองค์ประชุมหลายครั้ง โดยฝ่ายค้านพูดอยู่เสมอว่าตอนประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็ใช้วิธีการอย่างนี้ เหมือนกงกำกงเกวียน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ขอยืนยันว่าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเสนอให้นับองค์ประชุม มีครั้งเดียวที่พรรคพลังประชาชนเป็นคนขอนับ ตอนที่จะลงมติซึ่งต้องมีการเช็กองค์ประชุมก่อนอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ไม่เคยขอนับองค์ประชุมเอง
“และเมื่อจะต้องเช็กองค์ประชุม ประชาธิปัตย์จะอยู่ในห้องประชุมเสมอ แต่เราจะไม่กดองค์ประชุมให้ เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่พวกเราจะนั่งและทำงานตามปกติ เพราะคุณชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคบอกว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ต้องเข้าร่วมประชุม แต่ในวิธีการจะกดอะไรนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เราต้องอยู่
ผมก็เลยลุกขึ้นมาบอกกับที่ประชุมในวันนั้นว่า ลองเอากล้องไปจับดูสิ คุณจะนับองค์ประชุมวันนี้นี่ พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.มากที่สุด มีคนกี่คนที่นั่งอยู่ในห้องขณะนี้ ก็เราจะนับอยู่แล้ว เพื่อไทยน่าจะมีอยู่ประมาณ 180 ผมเชื่อว่านั่งอยู่ขณะนั้นไม่ถึง 80 คน แต่เขาขอนับ โดยที่เขาบอกอยู่แล้วจะไม่กดองค์ประชุมให้ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล และจะต้องมามากกว่า 225”
นายบุญยอดกล่าวต่อว่า ทำไมฝ่ายค้านชอบพูดจาแดกดันพรรคประชาธิปัตย์ ว่าทำเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่เหมือนกัน การชุมนุมประท้วงก็ไม่เหมือนกัน มันดูจะเหมือนแต่ไม่เหมือน จะอ้างว่าคุณเคยทำ ฉันก็ทำไม่ได้ ดังนั้นตนจึงจำเป็นต้องพูดเพื่อที่จะได้อธิบาย พอพูดไปแล้วนายสุนัยคงจะโกรธ
นายบุญยอดกล่าวอีกว่า หากเจอนายสุนัยก็จะไม่มองหน้า จะคิดว่าเป็นอากาศธาตุ ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะตนเป็นคนอย่างนี้จริงๆ จะไม่เป็นอย่างที่พูดกันว่า นักการเมืองพอด่ากันเสร็จลงไปก็จับมือกันกอดคอกันกินข้าว
“ผมเป็นคนอย่างไรเป็นคนอย่างนั้น ถ้าผมคิดว่าคนคนหนึ่งเป็นคนไม่น่าทัก ไม่มีบทสนทนาจะคุยด้วย ผมก็ไม่รู้จะไปคุยทำไม แล้วจะให้ผมคุยเรื่องอะไร พี่ครับนครสวรรค์สบายดีไหมครับ อากาศหนาวไหม อย่างงั้นเหรอ”
นายบุญยอดกล่าวว่า สัปดาห์หน้าพรรคฝ่ายค้านที่เป็นฝ่ายค้านมือใหม่ก็ตงจะพยายามปั่นป่วนทุกอย่างทั้งในและนอกสภาให้มากที่สุด แต่สิ่งที่เขาทำมันเป็นเรื่องที่เขาเคยพูดมาก่อนว่า ทำไมไม่มาพูดกันในสภา ไปประท้วงทำไม แล้วสิ่งที่เขาเคยพูด เขาก็จะทำ เพราะว่าเขาทำโดยที่ต้องการจะล้มรัฐบาลให้ได้ แล้วก็เป็นการล้มรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างที่เขาเคยพูดเสมอว่าทำไมถึงจะมาจ้องล้มรัฐบาลประชาธิปไตย
“เขาก็จะพูดว่านี่ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตย ขอโทษนะครับ การยกมือในสภา ก็ชัดเจนว่ามีคนยกมือมากเกิน มากกว่าครึ่งนึ่งจึงทำให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกฯ แล้วทั้งหมดที่ยกมือนั้นเป็น ส.ส.ไหม แล้วทำไมไม่ยอมรับกติกากันอีกหล่ะ”
นายบุญยอดกล่าวต่อว่า สัปดาห์นี้มีกฎหมายที่จะเข้าสภาคือร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ และเรื่องรับทราบอีก 2-3 เรื่อง เช่น ศาลปกครอง เชื่อว่าฝ่ายค้านจะใช้วิธีในสภาคือการปั่นป่วนในสภาให้ได้มากที่สุด อย่างสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องกรอบอาเซียน ก็ไม่ได้พูดเนื้อหา ไปพูดแต่เรื่องนายกษิต ภิรมย์ เรื่องพันธมิตรฯ เรื่องปลากระป๋อง แล้วก็คอยแต่จะนับองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวต้องลงมติก็ขอบคุณฝ่ายค้านที่ลงมติให้ เช่น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมฯ ที่ผ่านวาระ 1 ไปก่อน
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นายบุญยอดกล่าวว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือแกนนำคนเสื้อแดงมักจะควบคุมคนของตัวเองไม่ได้ เช่น เอาก้อนอิฐไปทุ่มใส่รถ ส.ส. แล้วผู้นำการชุมนุมเวลาเกิดอะไรขึ้นก็มักจะไม่รับผิดชอบ แล้วมีการกินเหล้าด้วย ถ้าหากว่าควบคุมไม่ได้ แล้วไปหยิบอะไรมา มันจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็จะไปโทษมือที่ 3 อีก
ทั้งนี้ หากจะมีการเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องผลักดันออก ต้องพยายามที่จะรักษาทำเนียบให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ ไม่ว่ารัฐบาลไหนต้องปกป้องทำเนียบให้นานที่สุด
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น นายบุญยอดกล่าวว่า ต้องถามว่านายกษิตทำผิดอะไร คุณเคยตั้งข้อหาตอนที่คุณเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยไหม ตอนที่เขายึดสนามบินเขามีอาวุธไหม คุณบอกเขาเป็นผู้ก่อการร้าย เขามีแค่มือตบและไมโครโฟน แล้วเขาเป็นคนปิดสนามบินไหม ไม่ใช่ คนปิดคือ ผอ.การท่าฯ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ทั้งที่ไม่ปิดก็ได้ แล้วทำไมมันยืดเยื้อยาวนาน ก็ต้องรัฐบาลตอนนั้นทำไมไม่ทำอะไรบ้างในการแก้ไขปัญหา
นายบุญยอดกล่าวต่อว่า สาเหตุที่แกนนำคนเสื้อแดงพุ่งเป้าโจมตีไปที่นายกษิตก็เพราะนายกษิตเป็นคนที่จะเล่นงานเจ้านายของพวกเขา เช่น ยึดพาสปอร์ต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปอยู่ประเทศออสเตรเลียในขณะนี้นั้น ไม่ทราบว่าเข้าไปได้อย่างไร แต่มีประเทศหนึ่งแน่ๆ ที่เข้าไม่ได้คือสหรัฐอเมริกา และอาจจะมีแบล็กลิสต์อยู่
นายบุญยอด เชื่อว่า คงไม่มีแรงกดดันต่อนายกษิตมากขึ้น เพราะนายกษิตเป็นมืออาชีพ ด้านการทูต ได้รับการยอมรับว่าผ่านการเป็นทูตมาหลายประเทศและมีความเชี่ยวชาญ นานาชาติน่าจะก็ยอมรับมากขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องของนายกษิตน่าจะเบาลง เพราะไม่มีประเด็นที่จะไปโจมตีอีก
ส่วนข้อเรียกร้องให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ กรณีการปิดสนามบิน และมีการโยงกันว่ารัฐบาลออกกฎหมายป้องกันการปิดสนามบินเพื่อช่วยพันธมิตรฯ ให้ได้รับโทษน้อยลง นายบุญยอดกล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่มีผลย้อนหลัง เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการช่วยพันธมิตรฯ ส่วนจะให้เร่งดำเนินการ รัฐบาลก็ทำตามกระบวนการอยู่แล้ว
ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบสภานั้น นายบุญยอดกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ก็เคยเรียกร้องให้ยุบสภาในช่วงรัฐบาลที่แล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนแล้ว อยากให้พรรคฝ่ายค้านตื่นจากฝันเสียที เพราะกาลเวลามันเปลี่ยนแล้ว อย่ามัวฝันว่าตัวเองยังเป็นรัฐบาลอยู่ และจะขอเป็นต่อ ก็ตอนที่สถานการณ์มีปัญหา ไม่มีทางออก เราบอกให้ยุบสภาก็ไม่ยุบ แต่พอสถานการณ์เดินมาถึงตอนนี้แล้ว เราจะกลับถอยหลังไปทำไมอีก เพราะฉะนั้นถ้าจะยุบมันต้องให้ถึงสถานการณ์ที่เหมาะสม และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม นายบุญยอดมองว่า ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยก็ไม่น่าจะพร้อม เพราะหัวหน้าพรรคยังจำชื่อไม่ได้เลย และพรรคอื่นก็ไม่มีใครพร้อม ถ้ายุบสภาตอนนี้ โอกาสน่าจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ แต่ถ้ายุบมันจะมีประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติหรือไม่ เราเป็นรัฐบาลต้องดูว่า ทำไปแล้วมันมีประโยชน์ไหม โครงการต่างๆ ที่จะออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็ยังรออยู่ ถ้ายุบสภาวันนี้ ก็ต้องรอต่อไปอีก ความเสียหายจะเกิดขึ้นทันที ทุกอย่างจะหยุดหมด แต่ปัญหาวิกฤติมันมาจ่ออยู่