นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงว่าในวันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค. เวลา 10.00 น. หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ แล้ว สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น หรือ ดีทีวีจะมีการโฟนอินสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา1 ชั่วโมงเต็ม โดยมีทีมงาน รายการความจริงวันนี้เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณรับปากแล้วเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาก่อนที่ตนจะมาแถลงข่าว
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ม.ค.เวลา 10.00 น.ทีมงานรายการความจริงวันนี้จะแถลงข่าวที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อชี้แจงถึงความชัดเจนในการ ชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ และจะมีการถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่นด้วย
โวสิ้นมกราฯเสื้อแดงพรึ๊บ
นายจตุพร กล่าวว่า ฝากบอกคนเสื้อแดงด้วยว่า เราแตกต่างจากกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคือ เราเหมือนแม่น้ำร้อยสายที่ออกดอกออกผลทางประชาธิปไตย ซึ่งต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯที่แกนนำไปจัดการด้วยตัวเอง เราต้องการให้ประชาชนก่อเกิดขึ้นมาเองและไม่ต้องฝากอนาคตไว้กับแกนนำคนไหน ทีมงานความจริงวันนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสัญลักษณ์ แต่พร้อมจะต่อสู้กับทุกคนในทุกสนาม คนเสื้อแดง มีมากกว่ากลุ่มพันธมิตรฯหลายเท่า แต่ที่ผ่านมาคนไม่ได้เห็น เพราะมีการตัดสัญญาณ แต่สิ้นเดือนนี้ทุกคนจะได้เห็นคนเรือนแสนของกลุ่มคนเสื้อแดง
นายสมคิด เลิศไพทูรย์ (รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ของนายกรัฐมนตรี) ก็ออกมาบอกว่า ถ้าจะปิดสถานีดีสเตชั่น ก็ต้องเป็นกรณีของการ หมิ่นเบื้องสูง เป็นความพยายามเอาเรื่องนี้มาบังหน้าโดยตลอด รู้ได้อย่างไรว่าใครจะไปหมิ่นเบื้องสูง ทั้งๆ ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินรายการอะไรเลย
ดึงแม้วโฟนอินเรียกแขกสนามหลวง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกตัดสัญญาณ นายจตุพร กล่าวว่า เราผ่านการเรียนรู้มามาก วิชามารก็รู้ทันกัน ที่ผ่านมาเราก็รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่วันอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยน และจะขอ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า ในการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงสิ้นเดือนม.ค.นี้ ควรจะมีการโฟนอินอีกสักครั้ง ส่วนจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างต่อเนื่องหรือไม่นั้น คงต้องแล้วแต่ความจำเป็น แต่อาจจะมีการเชิญอดีต รมว.คลังมาร่วมรายการด้วย มุมมองของคนที่ผ่านและประสบความสำเร็จมาแล้วนั้นเขามองอย่างไร พวกตน 3 คนจะทำหน้าที่ในการซักถามใช้ทุกวิถีทาง
ลั่นล้มรัฐบาลให้ได้ภายใน 3 เดือน
พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ไปเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไปเพราะการยึดอำนาจ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครไปเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นภายใน 3 เดือนจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้รัฐบาลนี้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเคลื่อนไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงต่างประเทศด้วยหรือไม่ นายจุพร กล่าวว่า จะไปจุดใดจุดหนึ่ง แต่ยังไม่ประกาศตอนนี้ไม่เลียนแบบวิธีของพันธมิตรฯมาเล่นงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการยุบสภานั้น นายจตุพร กล่าวว่า ประชาธิปไตยมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ก่อนจะมาถึงพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนก็ถูก ขบวนการนอกสภามาทำลายทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าเราเชื่อในระบบก็คงไม่พินาศแบบนี้ แต่สิ่งที่เราทำกับนายอภิสิทธิ์นั้นจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯทำ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีทีวี กล่าวถึง การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พวกตนเป็นผู้ร้องขอไปยังพ.ต.ท.ทักษิณเอง เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่มีผลงานเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการท้าทาย หากนายอภิสิทธิ์จัดรายการเสร็จจะมานั่งเลคเชอร์สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดก็ได้ เพราะนโยบายที่นายอภสิทธิ์ลอกไปทำบางนโยบายพ.ต.ท.ทักษิณทำตั้งแต่ปี 2544
ปชป.ซัดดีทีวีแค่ใบปลิวเถื่อน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวหลังการออก อากาศรายการของสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี มาเป็นเวลา 2 วันแล้วว่า ไม่มีอะไรใหม่ เพียงแต่ใช้การจัดรายการแบบเดิมเป็นการโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องเก่า ๆ ทั้งที่เคยมีการ อธิบายอย่างชัดเจนไปแล้ว เช่นที่มาของ ป.ป.ช., ที่มาของตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกของ ส.ส.ในสภาฯ บรรดาผู้จัดรายการก็ยังใช้ข้ออ้างหรือตั้งคำถามเดิมๆ แบบแผ่นเสียงตกร่อง ไม่มีมุกใหม่ และยังใช้การใส่ความข้างเดียว ไม่แตกต่างจากการเป็นแค่ใบปลิวของคนบางกลุ่มเท่านั้น
ดีทีวี บอกชัดเจนว่าจะต้องโจมตีรัฐบาล ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่สร้างสรรค์ รัฐบาลเพิ่งจะเริ่มต้นการทำงาน แต่กลับไม่ให้โอกาส เข้าตำราคำไทยที่ว่า มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม
นายบุญยอดยังได้กล่าวถึงกรณี ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภุควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ ที่ไปร่วมจัดรายการในสถานีโทรทัศน์ ดีทีวีว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาถึงระเบียบวินัยของกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะ ที่ต้องเคารพและพล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา ผบ.ทบ. เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน จึงมีอำนาจหน้าที่ในการแถลง หรือให้ความเห็นต่อสื่อมวลชน ในขณะที่ข้าราชการระดับล่างไม่มีหน้าที่นี้ จึงต้องแยกแยะให้ถูกต้อง
นายบุญยอด ยังได้ทวงถามกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ด้วยว่า เขาเคยกล่าว ท้าทายในขณะที่มีการโหวตเลือกนายกฯ ว่า หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะไปกราบเท้า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นว่าคนเป็น ส.ส. สัดส่วนและอ้างตัวเป็นสื่อมวลชนจะทำตามสิ่งที่เคยพูดกับสาธารณชนแต่อย่างใด ซึ่งก็เหมือนกับพฤติกรรมของนายจตุพร ที่เคยท้าเอาตำแหน่งเป็นเดิมพันมาแล้วหลายครั้ง นายจตุพรไม่เคยทำตามคำพูด แม้แต่ครั้งเดียว
เผยหมวดเจี๊ยบคิดจะออกอยู่แล้ว
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองทัพบกเรียกสอบ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก หลังจากร่วม เข้าแถลงเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ดีทีวีว่า หน่วยต้นสังกัดคงดูแลอยู่ ตนถามว่าจะมีหลักการเป็นอย่างไรและให้มีมาตรการที่เหมาะสม ซึ่งการที่ตนจะพูดอะไรบางทีไปยุ่งเกี่ยว เรื่องผู้น้อยผู้ใต้บังคับบัญชา ลักษณะคุกคามคงไม่ใช่ แต่การจะปล่อยปละละเลย เส้นแบ่งระหว่างเรื่องระเบียบวินัยกับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีอยู่ ผู้บังคับบัญชา ต้องไปดูว่าทำอย่างไรแล้วเสนอขึ้นมา ทราบดีว่า ร.ท.หญิงสุณิสา ประสงค์ที่จะลาออกจากทหารอยู่แล้ว เพื่อทำเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ซึ่งทราบจากผู้บังคับบัญชาว่าเป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพรังแกผู้หญิงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครจะไปรังแกไม่มี
หมวดเจี๊ยบยื่นหนังสือขออนุญาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (20 ม.ค.) ร.ท. หญิงสุณิสา เลิศภัควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เข้าพบ พล.ต. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชา เพื่อชี้แจงถึงการตัดสินใจทำหน้าที่พิธีกรในรายการ ห้องเรียนประชาธิปไตย ทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวี รวมถึงอธิบายรูปแบบรายการ และแนวคิดของรายการดังกล่าว โดยมี พ.อ.วัชระ นิตยสุทธิ์ ผอ.กองธุรการ และนายทหารพระธรรมนูญ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ร.ท.หญิงสุณิสา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าชี้แจงว่า พล.ต.วีรัณ บอกว่า ให้ไปเขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขอไปทำงานนอกเวลาราชการ และหลังจากพูดคุยกับ พล.ต.วีรัณ แล้วก็ได้ทำหนังสือขออนุญาตไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้จะต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ให้คำตอบอีกครั้ง ระหว่างนี้จะไม่ไปจัดรายการ จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ตนยินดีที่จะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้ว่าจะทราบดีว่าตนมีสิทธิเสรีภาพ ในการที่จะแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่จะต้องมีกฎเกณฑ์ ซึ่งเชื่อว่า ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ใหญ่และมีความเข้าใจในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย
เหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ดีทีวี เพราะสถานีแห่งนี้ให้โอกาส และภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.เพื่อไทย ผู้ชักชวน และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ทำให้ทราบแนวคิด และพิจารณาเหตุผลต่าง ๆ จึงตัดสินใจร่วมงานด้วย จากนั้นจึงได้โทรศัพท์มาปรึกษาผู้บังคับบัญชา เพียงแต่รายละเอียดของรายการในขณะนั้นยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากราชการทหารอย่างแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่เราภาคภูมิใจ และมีคุณค่า ทำให้เรามีโอกาสทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และประชาชน ทั้งนี้จะอยู่กองทัพต่อไปจนกว่ากองทัพไม่ต้องการ
ถามหาสิทธิการแสดงออก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวจะเป็นเกมการเมืองที่ กลุ่ม นปช. พยายามดึงเข้ามา เพื่อให้เกิดความขัดแย้งกับกองทัพหรือไม่ ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า เรารู้ดีว่าทำอะไรอยู่ เราเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ปล่อยให้ใครมาชักจูง หรือ บงการให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี เราจะทำอะไรบนพื้นฐานของความถูกต้อง ความคิด ความเชื่อและความเคารพบนหลักวิชาชีพทั้งนี้ไม่ว่า จะเป็นอาชีพทหารหรือสื่อมวลชนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน
ส่วนเป็นการกลั่นแกล้งจากกองทัพหรือไม่ เพราะกรณีของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษา บก.ทหารสูงสุด ยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า เรื่องนี้หลายฝ่ายอาจจะสงสัย แต่ตนไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้คิดว่า เพื่อนทหารกว่า 50,000 คน คงสงสัยและอยากรู้ว่า สิทธิการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยสามารถทำได้แค่ไหน
สถานีโทรทัศน์ ดีทีวี จะให้ความรู้กับประเทศชาติแค่ไหน ร.ท. หญิง สุณิสา กล่าวว่า รายการอื่นตนไม่ทราบ แต่รายการที่ตนจัดมีเจตนานำเสนอมุมมองเกี่ยวกับประเด็นที่น่าสนใจ ที่สะท้อนสิทธิมนุษยชนหรือความรู้ในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ความปรารถนาของตน คือ การทำหน้าที่นักสื่อสารมวลชนที่ดี ซึ่งเกิดจากการ เรียกร้องจิตวิญญาณเสรีที่อยู่ในตัว ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้บอกว่าต่อจากนี้ไปจะทำอะไรขอให้มาปรึกษาก่อน
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ม.ค.เวลา 10.00 น.ทีมงานรายการความจริงวันนี้จะแถลงข่าวที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว เพื่อชี้แจงถึงความชัดเจนในการ ชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวงภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ และจะมีการถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีสเตชั่นด้วย
โวสิ้นมกราฯเสื้อแดงพรึ๊บ
นายจตุพร กล่าวว่า ฝากบอกคนเสื้อแดงด้วยว่า เราแตกต่างจากกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคือ เราเหมือนแม่น้ำร้อยสายที่ออกดอกออกผลทางประชาธิปไตย ซึ่งต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯที่แกนนำไปจัดการด้วยตัวเอง เราต้องการให้ประชาชนก่อเกิดขึ้นมาเองและไม่ต้องฝากอนาคตไว้กับแกนนำคนไหน ทีมงานความจริงวันนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสัญลักษณ์ แต่พร้อมจะต่อสู้กับทุกคนในทุกสนาม คนเสื้อแดง มีมากกว่ากลุ่มพันธมิตรฯหลายเท่า แต่ที่ผ่านมาคนไม่ได้เห็น เพราะมีการตัดสัญญาณ แต่สิ้นเดือนนี้ทุกคนจะได้เห็นคนเรือนแสนของกลุ่มคนเสื้อแดง
นายสมคิด เลิศไพทูรย์ (รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ของนายกรัฐมนตรี) ก็ออกมาบอกว่า ถ้าจะปิดสถานีดีสเตชั่น ก็ต้องเป็นกรณีของการ หมิ่นเบื้องสูง เป็นความพยายามเอาเรื่องนี้มาบังหน้าโดยตลอด รู้ได้อย่างไรว่าใครจะไปหมิ่นเบื้องสูง ทั้งๆ ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินรายการอะไรเลย
ดึงแม้วโฟนอินเรียกแขกสนามหลวง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกตัดสัญญาณ นายจตุพร กล่าวว่า เราผ่านการเรียนรู้มามาก วิชามารก็รู้ทันกัน ที่ผ่านมาเราก็รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่วันอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยน และจะขอ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า ในการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงสิ้นเดือนม.ค.นี้ ควรจะมีการโฟนอินอีกสักครั้ง ส่วนจะมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างต่อเนื่องหรือไม่นั้น คงต้องแล้วแต่ความจำเป็น แต่อาจจะมีการเชิญอดีต รมว.คลังมาร่วมรายการด้วย มุมมองของคนที่ผ่านและประสบความสำเร็จมาแล้วนั้นเขามองอย่างไร พวกตน 3 คนจะทำหน้าที่ในการซักถามใช้ทุกวิถีทาง
ลั่นล้มรัฐบาลให้ได้ภายใน 3 เดือน
พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ไปเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไปเพราะการยึดอำนาจ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครไปเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นภายใน 3 เดือนจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้รัฐบาลนี้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเคลื่อนไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงต่างประเทศด้วยหรือไม่ นายจุพร กล่าวว่า จะไปจุดใดจุดหนึ่ง แต่ยังไม่ประกาศตอนนี้ไม่เลียนแบบวิธีของพันธมิตรฯมาเล่นงานรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการยุบสภานั้น นายจตุพร กล่าวว่า ประชาธิปไตยมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ก่อนจะมาถึงพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนก็ถูก ขบวนการนอกสภามาทำลายทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าเราเชื่อในระบบก็คงไม่พินาศแบบนี้ แต่สิ่งที่เราทำกับนายอภิสิทธิ์นั้นจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรฯทำ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีทีวี กล่าวถึง การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พวกตนเป็นผู้ร้องขอไปยังพ.ต.ท.ทักษิณเอง เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่มีผลงานเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการท้าทาย หากนายอภิสิทธิ์จัดรายการเสร็จจะมานั่งเลคเชอร์สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดก็ได้ เพราะนโยบายที่นายอภสิทธิ์ลอกไปทำบางนโยบายพ.ต.ท.ทักษิณทำตั้งแต่ปี 2544
ปชป.ซัดดีทีวีแค่ใบปลิวเถื่อน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวหลังการออก อากาศรายการของสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี มาเป็นเวลา 2 วันแล้วว่า ไม่มีอะไรใหม่ เพียงแต่ใช้การจัดรายการแบบเดิมเป็นการโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องเก่า ๆ ทั้งที่เคยมีการ อธิบายอย่างชัดเจนไปแล้ว เช่นที่มาของ ป.ป.ช., ที่มาของตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกของ ส.ส.ในสภาฯ บรรดาผู้จัดรายการก็ยังใช้ข้ออ้างหรือตั้งคำถามเดิมๆ แบบแผ่นเสียงตกร่อง ไม่มีมุกใหม่ และยังใช้การใส่ความข้างเดียว ไม่แตกต่างจากการเป็นแค่ใบปลิวของคนบางกลุ่มเท่านั้น
ดีทีวี บอกชัดเจนว่าจะต้องโจมตีรัฐบาล ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่สร้างสรรค์ รัฐบาลเพิ่งจะเริ่มต้นการทำงาน แต่กลับไม่ให้โอกาส เข้าตำราคำไทยที่ว่า มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม
นายบุญยอดยังได้กล่าวถึงกรณี ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภุควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ ที่ไปร่วมจัดรายการในสถานีโทรทัศน์ ดีทีวีว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาถึงระเบียบวินัยของกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะ ที่ต้องเคารพและพล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา ผบ.ทบ. เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน จึงมีอำนาจหน้าที่ในการแถลง หรือให้ความเห็นต่อสื่อมวลชน ในขณะที่ข้าราชการระดับล่างไม่มีหน้าที่นี้ จึงต้องแยกแยะให้ถูกต้อง
นายบุญยอด ยังได้ทวงถามกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ด้วยว่า เขาเคยกล่าว ท้าทายในขณะที่มีการโหวตเลือกนายกฯ ว่า หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะไปกราบเท้า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นว่าคนเป็น ส.ส. สัดส่วนและอ้างตัวเป็นสื่อมวลชนจะทำตามสิ่งที่เคยพูดกับสาธารณชนแต่อย่างใด ซึ่งก็เหมือนกับพฤติกรรมของนายจตุพร ที่เคยท้าเอาตำแหน่งเป็นเดิมพันมาแล้วหลายครั้ง นายจตุพรไม่เคยทำตามคำพูด แม้แต่ครั้งเดียว
เผยหมวดเจี๊ยบคิดจะออกอยู่แล้ว
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองทัพบกเรียกสอบ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก หลังจากร่วม เข้าแถลงเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ดีทีวีว่า หน่วยต้นสังกัดคงดูแลอยู่ ตนถามว่าจะมีหลักการเป็นอย่างไรและให้มีมาตรการที่เหมาะสม ซึ่งการที่ตนจะพูดอะไรบางทีไปยุ่งเกี่ยว เรื่องผู้น้อยผู้ใต้บังคับบัญชา ลักษณะคุกคามคงไม่ใช่ แต่การจะปล่อยปละละเลย เส้นแบ่งระหว่างเรื่องระเบียบวินัยกับการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีอยู่ ผู้บังคับบัญชา ต้องไปดูว่าทำอย่างไรแล้วเสนอขึ้นมา ทราบดีว่า ร.ท.หญิงสุณิสา ประสงค์ที่จะลาออกจากทหารอยู่แล้ว เพื่อทำเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ซึ่งทราบจากผู้บังคับบัญชาว่าเป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพรังแกผู้หญิงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครจะไปรังแกไม่มี
หมวดเจี๊ยบยื่นหนังสือขออนุญาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (20 ม.ค.) ร.ท. หญิงสุณิสา เลิศภัควัต นายทหารสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) เข้าพบ พล.ต. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชา เพื่อชี้แจงถึงการตัดสินใจทำหน้าที่พิธีกรในรายการ ห้องเรียนประชาธิปไตย ทางสถานีโทรทัศน์ดีทีวี รวมถึงอธิบายรูปแบบรายการ และแนวคิดของรายการดังกล่าว โดยมี พ.อ.วัชระ นิตยสุทธิ์ ผอ.กองธุรการ และนายทหารพระธรรมนูญ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ร.ท.หญิงสุณิสา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าชี้แจงว่า พล.ต.วีรัณ บอกว่า ให้ไปเขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขอไปทำงานนอกเวลาราชการ และหลังจากพูดคุยกับ พล.ต.วีรัณ แล้วก็ได้ทำหนังสือขออนุญาตไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้จะต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ให้คำตอบอีกครั้ง ระหว่างนี้จะไม่ไปจัดรายการ จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ตนยินดีที่จะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้ว่าจะทราบดีว่าตนมีสิทธิเสรีภาพ ในการที่จะแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่จะต้องมีกฎเกณฑ์ ซึ่งเชื่อว่า ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ใหญ่และมีความเข้าใจในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย
เหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ดีทีวี เพราะสถานีแห่งนี้ให้โอกาส และภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.เพื่อไทย ผู้ชักชวน และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ทำให้ทราบแนวคิด และพิจารณาเหตุผลต่าง ๆ จึงตัดสินใจร่วมงานด้วย จากนั้นจึงได้โทรศัพท์มาปรึกษาผู้บังคับบัญชา เพียงแต่รายละเอียดของรายการในขณะนั้นยังไม่มีความชัดเจน ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากราชการทหารอย่างแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่เราภาคภูมิใจ และมีคุณค่า ทำให้เรามีโอกาสทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และประชาชน ทั้งนี้จะอยู่กองทัพต่อไปจนกว่ากองทัพไม่ต้องการ
ถามหาสิทธิการแสดงออก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวจะเป็นเกมการเมืองที่ กลุ่ม นปช. พยายามดึงเข้ามา เพื่อให้เกิดความขัดแย้งกับกองทัพหรือไม่ ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า เรารู้ดีว่าทำอะไรอยู่ เราเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ปล่อยให้ใครมาชักจูง หรือ บงการให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี เราจะทำอะไรบนพื้นฐานของความถูกต้อง ความคิด ความเชื่อและความเคารพบนหลักวิชาชีพทั้งนี้ไม่ว่า จะเป็นอาชีพทหารหรือสื่อมวลชนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน
ส่วนเป็นการกลั่นแกล้งจากกองทัพหรือไม่ เพราะกรณีของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษา บก.ทหารสูงสุด ยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า เรื่องนี้หลายฝ่ายอาจจะสงสัย แต่ตนไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้คิดว่า เพื่อนทหารกว่า 50,000 คน คงสงสัยและอยากรู้ว่า สิทธิการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยสามารถทำได้แค่ไหน
สถานีโทรทัศน์ ดีทีวี จะให้ความรู้กับประเทศชาติแค่ไหน ร.ท. หญิง สุณิสา กล่าวว่า รายการอื่นตนไม่ทราบ แต่รายการที่ตนจัดมีเจตนานำเสนอมุมมองเกี่ยวกับประเด็นที่น่าสนใจ ที่สะท้อนสิทธิมนุษยชนหรือความรู้ในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ความปรารถนาของตน คือ การทำหน้าที่นักสื่อสารมวลชนที่ดี ซึ่งเกิดจากการ เรียกร้องจิตวิญญาณเสรีที่อยู่ในตัว ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้บอกว่าต่อจากนี้ไปจะทำอะไรขอให้มาปรึกษาก่อน
